ประวัติ หลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม (ราชบุรี)
"หลวงปู่หนู ฉินนกาโม" ท่านถือกำเนิดเมื่อเดือนธันวาคม ปีพ.ศ.๒๔๓๘ นามเดิมท่านชื่อ หนู เจริญวิทยา เกิดที่ หมู่ ๕ ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อ นายฮง โยมมารดาชื่อ นางบาง ท่านเรียนจบชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดหนองโพ แล้วออกมาช่วยบิดามารดาทำงานทางบ้าน จากนั้นได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ นักธรรมโท ขณะบวชเป็นสามเณร ท่านได้สนใจศึกษาวิชาทางไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถาพุทธาคมต่าง ๆ จึงไปเรียนกับ (หลวงพ่อหลาบ วัดเนินตอ) อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนเชี่ยวชาญจากนั้นได้ไปเรียนกับ (หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ) อีก ๓ ปี
เมื่อท่านอายุครบบวชในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงทำการอุปสมบทที่ (วัดใหม่เจริญผล) โดยมี (หลวงพ่อปลิว) เป็นพระอุปัชฌาย์แล้วไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ หนึ่งพรรษาจึงไปเรียนวิชาพุทธาคม และวิปัสสนากับ (หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน) จ.สุพรรณบุรี จากนั้นได้ไปเรียนวิชากับ (หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง) และ (หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง) จ.นครปฐม ซึ่งระหว่างเรียนวิชากับ “หลวงพ่อแช่ม” นั้นท่านได้พบกับศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงพ่อแช่มที่มาเรียนด้วย คือ (หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม) จ.นครปฐม จากนั้นจึงไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ วัดเขาคร้อ จนคณะสงฆ์เห็นในศีลาจารวัตรของท่านเหมาะสมจึงนิมนต์ให้ท่านไปเป็นเจ้าอาวาส วัดกระต่ายเต้น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี แต่อยู่ได้ไม่นานเกิดความเบื่อหน่ายกับการบริหารจัดการวัดร่วมกับกรรมการจึงขอลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี
ระหว่างที่ท่านเป็นฆราวาสอยู่นั้นก็ยังคงปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาเมื่อถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดกุฎบางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมี (พระครูเกษมสุตคุณ) เป็นพระอุปัชฌาย์ (พระมหาเปรย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฉินนกาโม” และไปจำพรรษาปฏิบัติธรรม ณ วัดไทยธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ๕ พรรษาจึงกลับมาวัดกุฎบางเค็ม ชาวบ้านทุ่งแหลม เลื่อมใสในศีลาจารวัตรจึงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่ "วัดทุ่งแหลม" อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยได้ทำการพัฒนาวัดทุ่งแหลมจนเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา
เมื่อท่านมาอยู่วัดทุ่งแหลมก็มีชาวบ้านประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก ท่านจึงได้สร้างมงคลวัตถุออกแจกจ่ายแก่ประชาชน และศิษยานุศิษย์มากมายหลายรุ่น ซึ่งก็มีประสบการณ์มากมาย
ประสบการณ์จากมงคลวัตถุของท่านที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากและร่ำลือกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแคล้วคลาดจากภยันตรายภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง และคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะ ประสบการณ์ด้านระเบิด “ระเบิด” นับเป็นอาวุธร้ายแรงที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าอาวุธชนิดใดๆ เพราะฤทธิ์เดชของมันสามารถสร้างความเสียหายให้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในวงกว้าง แม้แต่ชีวิตผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็แหลกเหลวราพณาสูรได้ด้วยอานุภาพของมัน แต่แม้ฤทธิ์เดชของระเบิดจะร้ายแรงปานใด อย่างเช่น เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ มีครอบครัวของอาสาสมัครรายหนึ่งคือ (นายกู้เกียรติ บัวบาน) ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน ๔ คนประกอบด้วย นายกู้เกียรติ ผู้เป็นสามีพร้อมทั้งภรรยา และบุตรชายอีก ๒ คน ชื่อ ด.ช.สมเกียรติ และ ด.ช.เกียรติยศ มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านมะขามเอน ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
นายกู้เกียรติ ปกติมีอาชีพทำไร่และเป็นอาสาสมัครของรัฐบาล มีหน้าที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านจึงได้รับแจกอาวุธที่ใช้ในราชการสงคราม ซึ่งมีทั้ง ปืน และ ระเบิดสังหาร ไว้ใช้สำหรับการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เนื่องจากที่ อ.สวนผึ้ง ในสมัยนั้น มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมมาก ซึ่งอาวุธเหล่านี้ยามเมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะเก็บไว้ที่บ้านตลอดเวลา ในวันเกิดเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องนี้ตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ นายกู้เกียรติ และภรรยาได้ไปทำบุญที่ วัดทุ่งแหลม ตั้งแต่เช้าโดยปล่อยให้บุตรชายทั้งสองทำหน้าที่เฝ้าบ้านกระทั่งเวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น. ผู้คนที่มาทำบุญในวัดต่างได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นขึ้นเพราะวัดทุ่งแหลมอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
ครู่ต่อมาก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยสีหน้าตื่นๆ พร้อมร้องบอกนายกู้เกียรติ ว่าที่บ้านเกิดระเบิดขึ้นและเห็นลูกชายของนายกู้เกียรตินอนจมกองเลือดทั้งสองคน ได้ยินเช่นนั้นนายกู้เกียรติและภรรยารีบซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ที่มาบอกข่าว ตะบึงกลับบ้านทันที เมื่อถึงบ้านจึงได้เห็นสภาพของลูกชายทั้งสอง ที่ทำให้ทั้งนายกู้เกียรติและภรรยา แทบจะเป็นลม เพราะเด็กชายทั้งสองสลบไม่ได้สติจากแรงระเบิด นายกู้เกียรติ รีบนำบุตรชายขึ้นรถไปโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งพอหมอและพยาบาลของโรงพยาบาลเห็นสภาพลูกชายทั้งสองของนายกู้เกียรติแล้ว กลับไม่ยอมรับตัวไว้รักษาเพราะเกรงจะช่วยเด็กไม่ได้ เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมที่จะรักษานั่นเอง จึงแนะนำให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองจังหวัดราชบุรี
นายกู้เกียรติ ไม่รอช้ารีบบึ่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดราชบุรี ซึ่งพอไปถึงหมอรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเป็นขณะที่เด็กทั้งสองเริ่มรู้สึกตัว แล้วแต่ยังคงร้องโอดโอยอย่างคนที่อยู่ในอาการเจ็บปวดเพราะพิษสะเก็ดระเบิด ที่ฝังอยู่ตามร่างกาย เพราะหลายคนที่เห็นสภาพของเด็กแล้วต่างระบุว่า อาการของเด็กคงหนักมากและอาจไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ แต่หลังจากหมอได้ทำการชำระล้างบาดแผล เพื่อหาสะเก็ดระเบิด ปรากฏว่ามีสะเก็ดระเบิดตามร่างกายน้อยมาก สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก และหลังจากนำสะเก็ดระเบิดออกพร้อมใส่ยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งคู่ก็แทบจะไม่มีอาการอย่างใดเลย มีอาการเจ็บปวดก็เพราะบาดแผลระบมเท่านั้นเอง หมอจึงอนุญาตให้นำเด็กกลับบ้านได้ หลังจากกลับถึงบ้านและได้นอนพักเป็นเวลาเกือบค่อนวัน เด็กทั้งคู่จึงบอกเล่าเหตุการณ์ให้นายกู้เกียรติ ผู้พ่อฟังว่า นำลูกระเบิดมาแกะเล่นจึงทำให้เกิดระเบิดขึ้น และแรงระเบิดก็ทำความเสียหายให้ตัวบ้านไม่น้อย แต่เด็กทั้งคู่กลับมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเหตุกลับเป็นเช่นนี้นายกู้เกียรติ จึงเชื่อว่าเป็นเพราะ “บารมี” ของ “เหรียญหลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม” อย่างแน่นอน เพราะทั้งคู่ต่างแขวนคอไว้คนละเหรียญ
เหรียญของหลวงปู่ที่เล่นหากันในราคาสูงมีอยู่ไม่กี่รุ่น ส่วนมากจะเป็นรุ่นแรกๆ ส่วนรุ่นหลังๆ จะไม่ค่อยแพง พระเครื่องของท่านจึงถือว่าเป็นของดีราคาถูกเพราะส่วนมากจะทันท่านเสกหมด ปัจจุบันยังพอหาได้ นอกจากมงคลวัตถุของท่านจะศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์มากมายแล้ว ตัวท่านยังมีชื่อเสียงในด้านการสักอักขระเลขยันต์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทหารแถบกาญจนบุรีและราชบุรี
เมื่อสมัย ๓๐-๔๐ ปีที่แล้ว ชาวบ้านราชบุรีถึงกาญจนบุรี เป็นศิษย์หลวงปู่หนูมากมาย โดยเฉพาะยันต์หนุมานเชิญธงถือว่าหลวงปู่เป็นเจ้าตำรับ หลังจากสิ้นหลวงปู่หนูแล้ว พระครูดัด เจ้าอาวาสรูปต่อมาท่านได้รับวิชานี้ไว้ แต่ไม่ได้ลงมือสักเอง ได้ให้ฆราวาสท่านหนึ่งเป็นผู้ลงเข็มสักให้ ส่วนท่านจะเป่าครอบเอง ต่อมาอาจารย์ฆราวาสท่านนั้นก็ได้วางเข็มไปในที่สุด
หลวงปู่ท่านถึงแก่มรณะภาพลงเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๙ คงทิ้งไว้แต่อนุสรณ์แห่งความดีงามตลอดจนสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย ซึ่งทางวัดได้ใส่หีบแก้วไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ศิษยานุศิษย์ผู้เลื่อมใส ศรัทธาต่อไป
เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
https://www.facebook.com/prakejidansiam/
#ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
#พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
#เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น