ประวัติ หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ (ชัยนาท)
"พระครูเกษมชัยคุณ" (หลวงพ่อฉาบ เขมจิตโต) ท่านถือกำเนิดเมื่อ วันอังคาร ที่๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๗ ณ.ตำบลจำลอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ท่านมีนามเดิมว่า "นายฉาบ เกรงขาม" โยมบิดาท่านชื่อ นายชม โยมมารดาท่านชื่อ นางแผ้ว "เกรงขาม" ครอบครัวท่านมีอาชีพทำนา ตอนเด็กๆบิดามารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือที่วัดใกล้บ้านจนสามารถอ่านออกเขียนได้ พออายุได้ ๑๘ ปี ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสังกัดทหารช่าง ที่บางซื่อ จนกระทั่งอายุได้ ๒๒ ปี จึงปลดประจำการกลับมาอยู่บ้านช่วยบิดามารดาทำนา
หลวงพ่อฉาบ ท่านไดัเข้ารับการอุปสมบท ณ พัธสีมา "วัดบ้านพราน" อ.แสวงหา จ.อ่างทอง โดยมี (พระครูสุภาวินิต) เป็นพระอุปัชฌาย์ (พระอธิการบาง) วัดบ้านพราน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ (พระอาจารย์หล่ำ) วัดบ้านพราน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "เขมจิตโต" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านเป็นภิกษุที่ชอบค้นคว้าทดลองในด้านวิชาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ด้วยท่านมีนิสัยพูดจริงทำจริง ไม่กลัวใคร และได้ปรนนิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์ ฝึกฝนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนมีความรู้ความชำนาญจึงได้กราบลาอาจารย์ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในหลายๆที่ในขณะนั้น เช่น
๑. หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
๒. หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์
๓. หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์เรียนวิชาฝังเข็มทอง
๔. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพเรียนวิชาการทำมีดหมอและการทำผ้ายันต์พญาฉัตทันต์
๕. หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือเรียนวิชาการทำมีดปากกา
๖. หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
หลังจากบวชใหม่ๆท่านก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ (หลวงพ่อเเจ่ม วัดวังแดงเหนือ) อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา ท่านปรนนิบัติรับใช้ หลวงพ่อเเจ่ม อยู่หลายปี ได้รับการถ่ายถอดวิชามีดพระขรรค์และผ้ายันต์นางกวักเมตตาค้าขายมาโดยตรง ซึ่งวิชามีดพระขรรค์นี้เรียนได้ยากลำบากมาก หลวงพ่อเเจ่มท่านก็คนจริง เมื่อเวลาเสกมีดต้องเสกให้ปลอกมีดกับด้ามมีดวิ่งเข้าหากันให้ได้ ถ้าดัง "แกร็ก" ถือว่าใช้ได้
หลวงพ่อฉาบ ท่านได้เพียรพยายามจนสำเร็จ หลวงพ่อแจ่มจึงแนะนำให้ไปเรียนทางเมตตาลงนะหน้าทองกับ (หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก) ซึ่งหลวงพ่อฉาบ เองท่านก็เรียนจากหลวงพ่อจงมาเพียงอย่างเดียว จากนั้นท่านก็ศึกษาหาความรู้มาเรื่อยๆ มาพบกับครูบาอาจารย์รูปต่างๆ
(หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์) จ.สิงห์บุรี ก็ได้ศึกษาทำแหวนแขน, แหวนนิ้ว, และน้ำมนต์ ,(หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ) ได้ศึกษาเรื่องการทำมีดหมอ พระปิดตา ผ้ายันต์ช้าง และเคล็ดการใช้ธาตุทั้ง ๔ ซึ่งวิชาเรื่องธาตุ๔ นี้ ภายหลัง (หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร) นครสวรรค์ ยังมาขอศึกษาโดยตรงกับ หลวงพ่อฉาบ (ในประวัติหลวงพ่อจ้อยได้ลงไว้) จากเกจิหลายรูปที่กล่าวมาแล้ว หลวงปู่ฉาบยังมีอาจารย์องค์สำคัญอีกรูปคือ (หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา) อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาตะกรุดมหาอุด, คงกระพัน ให้กับหลวงปู่ฉาบ จนเป็นที่มาในตำนาน "ตะกรุดเสาอากาศ"
ตะกรุดเสาอากาศเป็นตำหรับวิชา จาก (หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา) ที่หลวงปู่ฉาบ ได้ไปร่ำเรียนมาด้วยความยากลำบาก เพราะ อ.เดิมบาง เมืองสุพรรณในสมัยนั้นมีแต่ป่า มีสัตว์ร้ายชุกชุม วัดหลวงพ่ออิ่มก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไร ต้องอยู่รับใช้หลวงพ่ออิ่ม จนได้วิชาทำตะกรุดมา ท่านมั่นใจในวิชานี้มาก ทดลองทำจนเชื่อมั่นว่าดีจริง ซึ่งประสบการณ์มีให้เห็นอยู่มากมาย
ตะกรุดเสาอากาศท่านมีประสบการณ์มากตั้งแต่ครั้งสงครามเวียดนาม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๐ เป็นต้นมา ท่านลงเองเสกเอง ตอนแรกเข้าใจว่าลงเป็นตะกั่วยังไม่ได้หุ้ม แต่เมื่อนำมาใช้กันแล้วตะกั่วนั้นชำรุดง่าย จึงได้ตัดเสาอากาศทีวีสมัยนั้นนำมาหุ้มด้านนอกอีกที เสมือนสวมหลอดป้องกันตะกรุดด้านใน สิ่งนี้เองก็กลายเป็นเอกลักษณ์ของท่านไป
ตะกรุดเสาอากาศ ลงอาคมแบบเด็ดขาดนิยมกันมานาน สร้างช่วงสงครามเวียดนามครั้งเดียว และมีให้เห็นอยู่แบบเดียว ที่มีกันอยู่ทุกวันนี้ท่านได้ลงไว้ตั้งแต่ครั้งสงคราม ทำไว้จำนวนมาก และได้เก็บไว้เรื่อยมา ให้บูชาบ้าง แจกบ้าง จนท่านมรณภาพ
ตะกรุดเสาอากาศเป็นของดีจนอาจกลายเป็นตำนานไป เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่รู้กัน หันไปเช่าตะกรุดตามศูนย์พระใหม่หมด เพราะมีการโฆษณาบอกสรรพคุณดี ของใหม่เดี๋ยวนี้แพงโดยไม่มีเหตุผล บ้างก็ยิ่งสร้างน้อยยิ่งแพง ตะกรุดเสาอากาศหลวงพ่อฉาบ รอดตายมามากแล้ว ปัจจุบันยังพอหาชมได้
นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชาการสักยันต์ต่างๆด้วย และท่านยังได้เรียนวิชาเกี่ยวกับธาตุทั้งสี่จนมีความชำนาญอย่างดียิ่ง ส่วนผ้ายันต์พญาฉัตทันต์ ซึ่งท่านเรียนมาจากหลวงพ่อเดิมนั้นดีทางค้าขายทางเมตตาและด้านการงานให้มีความประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ต้องการเป็นเอกอุทางด้านเสริมบารมี เรียกว่าครอบจักรวาล บูชาไว้ในบ้านคุ้มครองบ้าน ไว้ในร้านค้าก็รุ่งเรือง พกติดตัวไว้ป้องกันตัวและเสริมบารมี
มีหนึ่งเรื่อง คือเรื่องผ้ายันต์คุ้มบ้านมีคนบูชาผ้ายันต์ของหลวงพ่อฉาบไว้ในบ้านแล้วทิ้งบ้านไปหลายวันเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัดแต่เพื่อนบ้านใกล้เคียงเห็นเปิดหน้าต่างไว้จึงคิดว่ามีคนอยู่ไม่ได้สนใจว่าหน้าต่างบ้านเปิดไว้เพราะถูกคนร้ายงัดบานหน้าต่างเปิดไว้จนเจ้าของบ้านกลับมาจึงทราบว่ามีขโมยเข้ามาในบ้าน แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ไม่มีทรัพย์สินเสียหายหรือถูกขโมยไปแม้แต่ชิ้นเดียวนอกจากรอยเท้าคนร้ายย่ำวนไปมาและรอยถูกงัด ภายในบ้านมีเพียงรูปยันต์บูชาติดผนังไว้ข้างหิ้งพระผืนเดียวเท่านั้นแถมชาวบ้านเองยังบอกว่านึกว่ามีคนอยู่ในบ้านทุกวันไม่รู้ว่าเจ้าของไม่อยู่เชื่อว่าเป็นผ้ายันต์ผืนนี้ที่แสดงปาฎิหารย์ให้คนร้ายไม่เจออะไรจนหนีไป เพราะผ้ายันต์หลวงพ่อฉาบไม่ได้ใช้ผ้าธรรมดา แต่เป็นผ้าที่ใช้คลุมศพ มาสกรีนยันต์พญาฉัตทันต์
หลวงพ่อฉาบ เมื่อท่านได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์จนเชี่ยวชาญแล้ว ท่านได้มาจำพรรษา ณ วัดคลองจันทน์ ต.ห้วยงู อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งขณะนั้นมี (หลวงพ่อโป๋) เป็นเจ้าอาวาส ภายหลังหลวงพ่อโป๋มรณภาพลงชาวบ้านจึงพร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ หลวงพ่อฉาบ เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา
อีกหนึ่งวิชาของ หลวงพ่อฉาบ คือสักกระหม่อมเป็นตัวอัง ฝังเข็มทอง ต้นตำหรับ (หลวงพ่ออินทร์) และเครื่องรางที่สุดยอด คือมีดหมอลงยันต์นูน ผ้ายันต์พระยาฉัตทันต์ ตะกรุดเสาอากาศ ปลัดขิกตะกั่ว พระเครื่องที่สุดยอดคือเหรียญรุ่นแรก
หลวงพ่อฉาบ ท่านเป็นพระที่เก่งจริง ครั้งหนึ่งท่านนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วเกิดอุบัติเหตุขาหักท่านไม่ยอมไปหาหมอ เมื่อกลับมาถึงวัดท่านก็เป่าคาถาเองจนหายเป็นปกติ ผ้ายันต์ช้างของท่านมีคนบูชาแล้ววันดีคืนดีมีเสียงร้องให้ได้ยินด้วยอภินิหารของท่านมีให้เล่ามากมาย พระคณาจารย์หลายองค์ในยุคนั้นให้ความเคารพท่านมาก โดยเฉพาะ (ครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขต) ถึงขนาดให้ท่านเอานำมนตร์พรมศรีษะให้
หลวงพ่อฉาบ ท่านถึงแก่มรณะภาพเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ปี พ.ศ.๒๕๔๒ สิริอายุรวม ๙๕ ปี ๗๒ พรรษา
เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
https://www.facebook.com/prakejidansiam/
ที่มา : คณะศิษย์หลวงพ่อฉาบ
#ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
#พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
#เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น