ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประวัติและปฏิปทา พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ วัดสามัคคีบุญญาราม (วัดคีรีสุบรรพต) จังหวัดลำปาง

ประวัติและปฏิปทา พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ (พระครูวิสุทธิศีลคุณ)

วัดสามัคคีบุญญาราม (วัดคีรีสุบรรพต) บ้านทุ่งสามัคคี ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง

๏ ชาติภูมิ

“พระครูวิสุทธิศีลคุณ (พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ)” สิริอายุ ๕๗ ปี พรรษา ๒๒ (เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๖) มีนามเดิมว่า ชายแดน สุภาพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๙๙ ณ บ้านเลขที่ ๙ หมู่ที่ ๑ บ้านดงเย็น ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี โยมบิดาชื่อ นายแก้ว สุภาพงษ์ มีพี่น้องทั้งหมดรวม ๙ คน เป็นหญิง ๘ คน ท่านเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว มีชื่อตามลำดับดังนี้

๑. นางเสถียร วรรณาราม
๒. แม่ชีปาน สุภาพงษ์
๓. นางสมภาร สุภาพงษ์
๔. นางวิมาล สุภาพงษ์
๕. พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ
(นายชายแดน สุภาพงษ์)
๖. นางหนูแหวน ป้องคำสิงห์
๗. นางพวงเพชร แสงสุวรรณ
๘. นางคนึงจิต สุภาพงษ์
๙. นางนิตยา สุภาพงษ์



๏ การศึกษา

ประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๔ โรงเรียนดงเย็นพรหมประชาสรรค์
ประถมศึกษาปีที่ ๕ - ๗ โรงเรียนชุมชนดงเย็น


๏ การทำงาน

ได้ศึกษาความรู้ด้านช่างเครื่องทำความเย็นและไฟฟ้า
ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๓ - พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นช่างอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๑ - พ.ศ. ๒๕๒๖ ไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอารเบีย
หลังจากกลับมาจากต่างประเทศได้ทำกิจการส่วนตัวจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๓

๏ การอุปสมบทและการจำพรรษา

เมื่ออายุได้ ๓๔ ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดศรีสุทธาวาส (วัดเลยหลง) พระอารามหลวง ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยมี พระธรรมวราลังการ (หลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพวราลังการ รองเจ้าคณะภาค ๑๑ (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับนามฉายาว่า “สีลสุทฺโธ” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์”

พรรษาที่ ๑ - ๒
จำพรรษาที่วัดวชิรทรงธรรมพัฒนา (วัดป่าบ้านเหล่า) บ้านเหล่า ตำบลทุ่งก่อ กิ่งอำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่ขาน ฐานวโร

พรรษาที่ ๓ - ๕
จำพรรษาที่วัดถ้ำผาผึ้ง ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับ พระอาจารย์บุญจันทร์ จนฺทวโร

พรรษาที่ ๖ - ๗
จำพรรษาที่วัดป่าสำราญนิวาส ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับ พระครูการุณยธรรมนิวาส (หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ)

พรรษาที่ ๘ - ปัจจุบัน
จำพรรษาที่วัดสามัคคีบุญญาราม หรือวัดคีรีสุบรรพต หรือวัดดอย บ้านทุ่งสามัคคี ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นผู้ปฏิบัติอุปัฏฐากรับใช้ พระครูการุณยธรรมนิวาส (หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ) ขณะที่หลวงปู่หลวงอยู่ปฏิบัติธรรม ณ วัดสามัคคีบุญญาราม (วัดคีรีสุบรรพต) จวบจนกระทั่งหลวงปู่มรณภาพ


๏ สมณศักดิ์และตำแหน่งทางคณะสงฆ์

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ก่อนที่หลวงปู่หลวงมรณภาพ ได้แต่งตั้งให้พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ เป็นเจ้าอาวาสวัดสามัคคีบุญญาราม (วัดคีรีสุบรรพต) สืบต่อจากองค์ท่านมาจนถึงปัจจุบันนี้

ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระครูสังฆรักษ์ชายแดน สีลสุทโธ”

ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ในพระราชทินนามที่ “พระครูวิสุทธิศีลคุณ”

ต่อมาเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ท่านได้รับการแต่งตั้งจาก พระพรหมเมธี (จำนง ธมฺมจารี) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๔-๕-๖-๗ (ธรรมยุต) ให้เป็น เจ้าคณะอำเภอเมืองลำปาง (ธรรมยุต)


๏ นำพาปฏิบัติสมาธิภาวนา ทุกวันเสาร์

พระอาจารย์ชายแดน ท่านมีความปรารถนาในการอบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปให้เข้าถึงซึ่งธรรมะและปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ตามแนวทางพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่พาดำเนิน สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยท่านได้นำพาพุทธศาสนิกชนไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรม และปฏิบัติสมาธิภาวนา ทุกวันเสาร์ เวลา ๑๙.๐๐-๒๑.๓๐ น. เพื่อพัฒนาจิตใจเป็นสำคัญและเพื่อสร้างแนวทางในการวิปัสสนา ณ วัดสามัคคีบุญญาราม (วัดคีรีสุบรรพต)

๏ คติธรรมคำสอน

- วันดีก็ไม่มี วันที่ไม่ดีก็ไม่มี ถ้ายังลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับวันดี วันไม่ดีแล้ว พวกเราจะเสียการ จงทำให้ดีที่สุด ถ้าความตายมาก่อนวันที่คุณคิดว่าดี คุณจะไม่ได้ทำดีอะไรเลย ความตายก็เป็นของที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาจะมาวันไหน เวลาไหน ถ้าเขามาพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เราจะไม่มีศาสตราวุธใดๆ ต่อสู้เขาไดัเลย ฉะนั้น ความดีทั้งหลายต้องทำตรงนี้ เดี๋ยวนี้ เวลานี้ ก่อนความตายจะมาถึง

- วันสำคัญร้อยวัน พันวัน ก็ไม่สำคัญเท่าวันที่เราละกิเลสออกจากใจได้แค่วันเดียว

- พวกแก้กรรมก็เหมือนกัน ถ้าแก้ด้วยสังฆทานจะไปได้ถึงไหน ต้องทำด้วยคุณงามความดีสิ คุณงามความดีและจิตที่สะอาดจากการปฏิบัตินั้น คือการตัดรากเหง้าของกรรมที่แท้จริง

- รักษาสติให้สม่ำเสมอ เห็นเท่าที่เห็น ได้เท่าที่ได้ อย่าไปบังคับจิตให้เป็นไป อยากไปก็ไม่ได้ อยากดีมันก็กิเลสเหมือนกันทั้งนั้น เห็นเท่าที่เป็น และทำไปเรื่อยๆ ให้ต่อเนื่อง อย่าไปทิ้ง ถ้าทิ้งก็ป่วยการ เสียดายเวลามีชีวิตเป็นมนุษย์ เข้าใจไหม

- ธรรมะเป็นเรื่องของความเพียร ถ้าผู้ใดมีความเพียร และเพียรในทางที่ถูกต้องก็ย่อมจะสำเร็จได้ ธรรมะและการพ้นทุกข์ไม่มีทางลัด จะมาหวังลงทุนน้อยแต่ได้มาก ไม่มี ! มีแต่ทางตรง และความเพียรถูกต้อง

- ธรรมจะเกิดได้ต้องทำเอง พึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเอง อย่าไปหวังพึ่งฟ้าฝน เทวดาที่ไหน เพราะเขาก็ต้องทำเอาเองเหมือนกัน ใครก็ช่วยใครไม่ได้ในเรื่องนี้ นอกจากต้องทำเอาเอง ก็จงรีบทำ ท่านทั้งหลายอย่าให้เสียเวลาไปเสียเฉยๆ จะเสียชาติเกิดที่ได้เป็นมนุษย์เสียแล้ว

- ยศฐาบรรดาศักดิ์ย่อมฆ่าคนโง่เขลา แต่สำหรับผู้มีปัญญาแล้ว มีเขาก็ไม่ติด ไม่มีเขาก็ไม่ติด ความเสมอภาคเป็นธรรมอันสูงยิ่ง

- ชีวิตของความเป็นจริงทุกคน คือ การใช้กรรม (ดีชั่ว) การที่จะตัดกรรมได้นั้นต้องประพฤติปฏิบัติธรรมเท่านั้น ดูตัวอย่างองคุลีมาล

- พระธรรมคำสั่งคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อพวกเรามากที่สุด เพราะฉะนั้นจะมีใครซักคน ซักรูป ซักองค์ ซักนาม ซักท่านหนอ ที่มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อพระธรรมเหล่านั้น โดยการหยิบยกเอาพระธรรมเหล่านั้ เข้าสู่การประพฤติปฏิบัติของตนๆ ให้เป็นไปชอบในธรรม

- ศาสนาเป็นสิ่งชักนำให้คนทุกคนพ้นทุกข์ เข้าไปหาความสุขที่แท้จริง

- จิตตภาวนาทำให้โล่งทำให้สบาย สิ่งไหนมีอำนาจมาก สิ่งไหนที่จิตให้ความสำคัญ...สิ่งนั้นทำให้เราเป็นทุกข์ หลงอะไร...สิ่งนั้นทำให้เป็นทุกข์ หวงอะไร...สิ่งนั้นทำให้เป็นทุกข์ โกรธก็รู้ เกลียดก็รู้ ไม่ชอบก็รู้ ทำเรื่อยๆ อย่าต่อเติมความคิด ทำแบบสบายๆ

- ธรรมะ เป็นสิ่งชี้ให้ทุกคนรู้สภาวะความเป็นจริง

- จิตที่ปฏิบัติดีแล้ว ไม่มีความสำคัญกับสิ่งใดๆ ในโลก

- “จิต” คุณภาพไม่ดี อาหารจานเด็ด คือ อารมณ์ ยิ่งกินยิ่งเสีย...“จิต” ที่ฝึกดีแล้ว ไม่มีอารมณ์ (ว่างเปล่า) จะนำความสุขมาให้

- พระธรรมคำสั่งคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสิ่งชี้นำให้จิตทุกดวงเข้าไปรู้สภาวะของความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นไปตั้งสองพันกว่าปีแล้วก็ตาม พระธรรมนั้นก็ยังทรงคุณค่าไว้ตลอดกาล

- การหลงทางเข้า “พระนิพพาน” ไม่มี แต่หลงเข้า “นรก” มีจำนวนมาก ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเหตุผลที่สมบูรณ์แบบ หาที่ค้านไม่ได้ หากค้านได้มีสาเหตุจากความไม่รู้ ไม่มีธรรม ปฏิบัติไม่ถึง การฟังธรรมที่หู รู้อยู่ที่ใจตามเหตุตามผล วันหนึ่งจะรู้คำตอบ หลังจากมีการประพฤติปฏิบัติทางใจตามแนวทางของพระพุทธองค์

- ความทุกข์ก็ดี ความสุขก็ดี นั้นไม่มีความต่างกันในความหมายแห่งธรรม นั่นคือ มันก็อยู่บนพื้นฐานแห่งความเปลี่ยนแปลงอันจะนำให้เกิดความทุกข์ต่อจิตในที่สุด ความสุข คือ ความทุกข์ที่ละเอียด ตราบใดที่ยังเห็นว่า ยังรักสุข รังเกียจทุกข์ ก็พึ่งรู้ตัวว่า เรานี้ก็ยังจะมีชาติภพต่อไปอีกอยู่นั่นเอง ไม่จบไม่สิ้น

- ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของโลก เป็นดังเช่นต้นโพธิ์ต้นนี้ ต้นโพธิ์มีไม้ค้ำเป็นร้อยๆ ยังตายได้ นับประสาอะไรกับชีวิตของเรา ถ้าเราไม่ค้ำด้วยอรรถด้วยธรรม จะไปค้ำด้วยไม้วิเศษอะไรที่ไหน

- ตื่นเช้าขึ้นมาต้องทำจิตใจให้ผ่องใส ทำจิตใจให้เป็นบุญ ทำดีอะไรไม่ได้ก็ขอให้หยุดทำชั่วไว้ก่อน ไม่มีอะไรที่จะให้ทานไม่เป็นไร อภัยทานเป็นเรื่องของจิตใจโดยเฉพาะ ไม่ได้ลงทุนอะไรซักบาทเดียว จะทำเวลาไหนได้ทั้งนั้น จะเป็นเขาโกรธเรา หรือว่าเราโกรธเขา เราให้อภัยให้เขาไป แค่นี้ก็เป็นบุญมากมายแล้ว ทำ ทำ ทำ

- วันนี้ก็เป็นวันพระ พระพุทธเจ้าให้พวกเราระมัดระวังสิ่งที่ไม่มีตัวตน คือ โลภ โกรธ หลง เขาจะเข้ามามีบทบาทในจิตใจของพวกเรา เพราะสิ่งเหล่านี้เขาทำงานแบบไม่มีฤดูกาล ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นชาติใดภาษาใดก็ย่อมตกเป็นทาสเขาอยู่เสมอ จงพากันตรวจดูให้ดี และหาทางดับเขาให้ได้ด้วยพระธรรม พุทโธ พุทโธ พุทโธ

คัดลอกและเรียบเรียงเนื้อหามาจาก
เว็บไซต์วัดสามัคคีบุญญาราม (วัดคีรีสุบรรพต)
http://www.watsamakeeboonyaram.net/
fb. วัดสามัคคีบุญญาราม พระนาคปรกปางมหานาค

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=29090

ความคิดเห็น

  1. กราบนมัสการหลวงพ่อ กระผมพระชัยพัชร์ ปภสฺสโรขอกราบนมัสการและขอบันทึกเทศนาผม

    ตอบลบ
  2. กราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  3. ลูกน้อมกราบพระอาจารย์ค่ะกราบ กราบ กราบ

    ตอบลบ
  4. น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์ อย่างสูงค่ะ คำสอนท่านตรงจุดตรงใจชัดเจน มากเจ้าค่ะ สาธุ กราบขอบพระคุณท่านที่พากเพียรสอนศิษย์ทั้งหลายให้รีบฝึกปฏิบัติจิตณเวลานี้เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรออะไร สาธุสาธุค่ะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

เนื้อหาที่ได้รับความนิยมในรอบ 1 เดือน :

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดถ้ำภูกำพร้า (วัดภูกำพร้า) จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดภูกำพร้า อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิด ไม่ทราบ มรณภาพ พ.ศ.2548 อายุ ไม่ทราบ (ว่ากันว่า 200 กว่าปี) พรรษา ไม่ทราบ สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้วจนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200 กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548

ประวัติ หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา

หลวงปู่ทอง อายะนะ (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 117 ปี ท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ส่วนลูกศิษย์ฆราวาสที่เคราพเลื่อมใสท่านมากก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ด้านวัตถุมงคลของท่านมีทั้งพระเครื่องเนื้อพิมพ์สมเด็จ ลูกอม ชานหมาก เสื้อยันต์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ เหรียญรุ่นแรก ประวัติหลวงปู่ทอง อายะนะ หลวงปู่ทอง อายานะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดบางเงินพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดบางเงินพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น...

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ (หลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ) หรือ หลวงพ่อหลาบ วัดบางเป้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางเป้ง และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา ท่านเป็นเกจิดังของตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดบางเป้งจนมีความรุ่งเรือง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ใครมาขอความช่วยเหลือจากท่านท่านก็ช่วยเหลือมิไม่ได้ขาด ท่านเป็นพระเกจิที่ชาวบางแสนให้ความเคารพอย่างมาก และท่านยังให้ความสำคัญของการศึกษาท่านได้สร้างโรงเรียนวัดบางเป้ง (กุหลาบราษฎร์อำนวยวิทย์) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นต้น ประวัติและสถานะเดิม พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ ท่านมีนามเดิมว่า " กุหลาบ " นามสกุล " อุ่นจิตร หรือ อุ่นจิตต์ (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบไหนครับ) " เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2431 บิดาชื่อ นายช้อน มารดาชื่อ นางเจียก อุ่นจิตร ท่านเกิด ณ หมู่ที่ 1 บ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (บริเวณสถานีดับเพลิง ต.แสนสุข) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน หลวงพ่อกุหลาบเป็นบุตรคนสุดท้อง ดังนี้ พระอธิการอั...

ประวัติ หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก วัดห้วยใหญ่

พระครูภัทรกิจวิบูล (ก้าน ภทฺทโก) พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก) หรือ อาจารย์ก้าน หรือ หลวงพ่อก้าน วัดห้วยใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เกจิดังของตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สังขารท่านไม่เน่าเปลื่อยอยู่ในโรงแก้วจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อก้านท่านพัฒนาวัดห้วยใหญ่จนรุ่นเรือง และช่วยสร้างอื่นๆ เช่นวัดนาจอมเทียน , วัดทุ่งระหาร และวัดชากแง้ว ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนนาจอมเทียนไปถึงถนนบ้านบึงเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ท่านเป็นพระนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระนักพัฒนาที่น่ายกยอง ประวัติ หลวงพ่อก้าน มีเดิมว่า " ก้าน " นามสกุล " เจริญคลัง " ท่านเป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดที่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 13 ค่ำ ปีมะแม โยมบิดาชื่อ เส็ง เกิดที่เมืองจีน โยมแม่ชื่อ นิด นามสกุล เจริญคลัง ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเยาว์นั้นท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบไปใส่บาตรพระกับผู้ใหญ่เสมอๆ บรรพชา เมื่ออายุได้ 14 ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จั...

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ หรือ พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต วัดเวฬุวัน

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ (พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต) วัดเวฬุวัน ตำบลพยุห์ อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาติภูมิและอุปสมบท ณ บ้านหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในวันศุกร์ที่  ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ ในครอบครัวของพ่อลี แม่ตุ่น สว่างกุล ได้ก่อกำเนิดลูกชายคนที่ ๘ จากจำนวนทั้งหมด ๙ คน เด็กคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าลูกคนอื่นๆ พ่อจึงได้ตั้งชื่อว่า "จ่อย" ซึ่งเป็นภาษาอีสานหมายถึงผอมแห้ง เด็กชายจ่อยได้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวด้วยการช่วยทำงานทุกอย่างเหมือนดั่งเด็กโต ในยามว่างสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กชายจ่อยคือ ชอบไปนั่งคุยกับพระที่วัดถามถึงเรื่องบาปบุญว่ามีจริงไหม บาปอยู่ที่ไหน บุญอยู่ที่ใด เป็นคำถามที่พระในวัดมักจะถูกถามอยู่เสมอๆ ซึ่งพระในวัดท่านก็ตอบว่า "ถ้าอยากรู้ว่าบาปบุญมีจริงไหม ก็ลองมาบวชดูแล้วจะรู้" คำตอบที่พระท่านตอบมาทำให้ในวันนั้นเด็กชายจ่อยฝังใจในการหาคำตอบ พอเริ่มโตเป็นวัยรุ่น จึงได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ว่า "บัดนี้ครอบครัวก็เป็นปึกแผ่นแล้ว อยากจะออกบวชเรียน เพื่อศึกษาหาคำตอบที่สงสัยมานาน" เมื่อพ่อแม่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้บวชเป็นสามเณ...

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี หลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร  พระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งแห่ง จันทบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกระทิงท่านเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์ มีวิชาอาคมอันแก่กล้า  โดยเฉพาะ ท่านสามารถใช้เวทมนตร์ สะกดพวกสัตว์ป่า ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน ในตอนที่ เขาคิชฌกูฎ ได้เปิดให้ผู้คนขึ้นมาสักการะพระพุทธรูป ไหว้พระ และมากราบนมัสการท่าน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ณ บ้านกะทิง ต.พลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ (ขณะนั้นเป็นอำเภอมะขาม) จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายอยู่ และ นางมุ้ง ทองคำ ในครอบครัวของท่านประกอบอาชีพพวกเกษตรกรรม และการหาของป่าสมุนไพร ดังนั้น ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาพืชสมุนไพรและของป่าบนเขาคิชฌกูฏ จนมีความชำนาญ ในช่วงวัยเรียน ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดกะทิง ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนกระทั่งพอท่านมีอายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูนิเทศคณานุสิฏฐ์ วัดหนองอ้อ ต.มะขาม อ.มะขาม ...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ชาลี ถิรธัมโม วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

ประวัติและปฏิปทา พระครูจิตตภาวนาญาณ (หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม) วัดป่าภูก้อน ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี “พระครูจิตตภาวนาญาณ” หรือ “หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม” มีนามเดิมว่า ชาลี นามสกุล บุตรน้อย เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๘ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนแปด ปีระกา ณ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โยมบิดาชื่อ นายคำ บุตรน้อย โยมมารดาชื่อ นางกัน บุตรน้อย มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ อายุ ๑๙ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศิริราษฎร์วัฒนา บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โดยมี พระครูอดุลสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศิริราษฎร์วัฒนา จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอาจารย์คำมี สุวัณณสิริ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาที่วัดศิริราษฎร์วัฒนา จ.สกลนคร ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ไปจังหวัดเลย ได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ต่อไปทางภาคเหนือ, จังหวัดหนองคาย, จังหวัดอุดรธานี แล...

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน หลวงปู่เขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดหรงบน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้นก็สามารถบอกถึงกำหนดวันมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากสังขารท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไหม้ได้อีกด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมสูงมาก เช่น เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อลอยองค์ ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว ลูกอม ตะกรุด และพระปิตตา ฯลฯ ประวัติ หลวงปู่เขียว อินทมุนี ท่านเกิดเมื่อปี พุทธศักราช 2424 ในแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อยังเยาว์วัย พ่อท่านเขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งการศึกษาวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของชาติไทยสมัยก่อน จนเมื่อมีอายุได้ 22 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจสละเพศฆราวาส อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2446 ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ. 2446 พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็อยู่รับใช้ป...

พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี (หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง)

พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี หรือ หลวงพ่อแช่ม ท่านเกิดที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาท่านเกิดในพุทธศักราช 2370 (ปีกุน) ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดไชยธารารามหรือวัดฉลอง และเป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างมากของชาวจังหวัดภูเก็ต ท่านได้มรณภาพ เมื่อ พ.ศ. 2451 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ประวัติพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี หรือ หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อจากพ่อท่านเฒ่า ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระครูวิสุทธิวงศาจาริย์ญาณมุนี" ตำแหน่งสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต ไม่ปรากฏนามโยมบิดามารดา โดยโยมบิดามารดาได้ให้ท่านอยู่ ณ วัดฉลอง โดยเป็นศิษย์ของท่านพ่อเฒ่าเมื่อครั้งเยาว์วัยจนได้บวชสามเณร และได้บรรพชาเป็นพระภิกษุจำพรรษาที่วัดฉลอง (ในปี พ.ศ. 2420 ได้รับพระราชนามเป็น วัดไชยธาราราม) ตำบลฉลอง อำเภอเมือง (เดิม ทุ่งคา) จังหวัดภูเก็ต หลวงพ่อแช่มชำนาญด้านสายวิปัสนาธุระได้รับการศึกษาด้านนี้จากพ่อท่านเฒ่าจนมีความเชี่ยวชาญ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว จังหวัดพิษณุโลก

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก หลวงปู่ทองคำ สุวโจ เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2472 เป็นบุตร นายนวล กันสีชา และ นาง บุญ กันสีชา มีพี่น้องร่วมท้อง 4 คนโดยหลวงปู่เป็นบุตรคนโต เมื่ออายุ ได้ 14 ปี หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร วัดบ้านบ้านคำครั่ง อ.กระนวน จ. ขอนแก่น หลังจาที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้วสนใจในการศึกษาเล่าเรียน จึงได้ออกเดินทางไปยังสำนักของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และได้ศึกษาตำรามูลกระจายสูตร และพระคาถาต่างๆ จากพระอาจารย์ฝั้น เป็นเวลาถึง 9 ปี จากนั้นหลวงปู่จึงได้ลาสิกขา ถึงแม้จะเป็นฆราวาส หลวงปู่ทองคำก็ยังมิขาดที่จะศึกษาพระเวทย์ โดยข้ามฝั่งเดินทางไปศึกษาไปยังประเทศลาว ที่วัดพระบาทโพนสัน จาก พระครูขี้หอม หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ข้ามกลับมาฝั่งไทย และอุปสมบทที่วัดราชพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระครูพิสัยสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ทองคำ ได้เดินทางออกธุดงค์เรื่อยมาตลอด และได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร และอยู่ปรนนิบัติและศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงปู่ทองมา ถาว...