ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กุมารทองมหาภูติ พรายกุมารดำ-แดง หลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม จังหวัดสิงห์บุรี

มหาภูติพรายกุมาร (กุมารนวสังฆวานร ที่แรงด้วยพุทธคุณของพระสุปฏิบันโณอาวุโสแห่งเมืองสิงห์บุรี)

คอกุมารที่ชอบของแรงๆ ไม่เข้าตัว ไม่มีใครไม่รู้จักกุมารพรายดำ-พรายแดง พรายกุมารพี่น้อง ของหลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม สิงห์บุรี ที่โด่งดังและเล่าขานกันในหมู่ศิษยานุศิษย์ถึงความแรง ความเฮี้ยน มาปีนี้ครบรอบ 99 ปี และได้มีพิธีไหว้ครู 59 หลวงพ่อดำริให้สร้างกุมารที่แรงขึ้นไปอีก คือ กุมารชั้นพรหม หรือ มหาภูติพรายกุมาร-ดำแดง ที่แรงฤทธิ์ครบสูตรเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีที่พึ่งพา และมีกำลังใจในการดำรงชีพ
รายการในหมวดบูชาได้แล้ว
พระเครื่องคเณศร
รับสั่งจองพระใหม่และวัตถุมงคล
โทร.062 939 4462, 081 425 6328

หลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม จ.สิงห์บุรี กุมารพรายดำพรายแดง บูชาได้แล้ว
หลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม จ.สิงห์บุรี กุมารพรายดำพรายแดง บูชาได้แล้ว
หลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม จ.สิงห์บุรี กุมารพรายดำพรายแดง บูชาได้แล้ว

📍มหาภูติพรายกุมาร (กุมารนวสังฆวานร ที่แรงด้วยพุทธคุณของพระสุปฏิบันโณอาวุโสแห่งเมืองสิงห์บุรี)
คอกุมารที่ชอบของแรงๆ ไม่เข้าตัว ไม่มีใครไม่รู้จักกุมารพรายดำ-พรายแดง พรายกุมารพี่น้อง ของหลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม สิงห์บุรี ที่โด่งดังและเล่าขานกันในหมู่ศิษยานุศิษย์ถึงความแรง ความเฮี้ยน มาปีนี้ครบรอบ 99 ปี และได้มีพิธีไหว้ครู 59 หลวงพ่อดำริให้สร้างกุมารที่แรงขึ้นไปอีก คือ กุมารชั้นพรหม หรือ มหาภูติพรายกุมาร-ดำแดง ที่แรงฤทธิ์ครบสูตรเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีที่พึ่งพา และมีกำลังใจในการดำรงชีพ
📍หลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม คือครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีความสามารถในการสร้างกุมารทองและมีประสบการณ์น่าอัศจรรย์แก่ผู้บูชามาแล้ว ซึ่งจัดว่าเป็นพระภิกษุที่แกร่งกล้าด้วยพลังจิตและวิทยาคม โดยวิชาอาคมของท่านนั้นได้รับการถ่ายทอดมาจาก ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือ ขุนพันดาบแดง ผู้ที่เลื่องลือทางด้านวิชาอาคมหลายแขนง อีกทั้งท่านยังเป็นศิษย์สายวิชาเขาอ้อคนสำคัญที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน และยังเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแพอดีตเกจิเมืองสิงห์บุรี หลวงปู่เสือแห่งวัดไผ่สามกอ นอกจากนี้ท่านยังสามารถรับญาณจากครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้วรวมถึงญาณบารมีของหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดินอีกด้วย การสร้างกุมารทองของหลวงพ่อบุญส่งในอดีต ท่านสร้างกุมารทองพี่น้องที่เรียกว่ากุมารพรายดำ-พรายแดง จากดินเจ็ดป่าช้า ตามตำราของหลวงพ่อแพ เขมังกโร ผนวกกับวิชาหลวงพ่อเสือหลวงพ่อบุญส่งกล่าวว่ากุมารทอง พรายดำ-พรายแดง เป็นการเชิญวิญญาณชั้นสูงที่ต้องการมาสร้างบารมีแต่ถ้าจิตผู้สร้างไม่ถึงจะเชิญได้แค่สัมภเวสี และวิญญาณชั้นสูงมีฤทธิ์มาก และมีพุทธคุณจริงผู้ใดที่เคารพจะบังเกิดโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น แม้ในอดีตเคยมีหนี้สินก็จะสามารถปลดหนี้สินได้จนร่ำรวย หรือแม้แต่ในทางป้องกันอันตรายนั้น กุมารทองพรายดำ-พรายแดงก็มีพุทธคุณทางด้านนี้ สถานที่ใดมีกุมารทองมักจะปลอดจากอัคคีภัยและโจรผู้ร้าย ในอดีตหลวงพ่อบุญส่งท่านได้สร้างกุมารทอง พรายดำ-พรายแดง โดยลักษณะการปั้นง่ายๆมีหูตาจมูกปาก สีดำและสีแดง ซึ่งได้สร้างปาฏิหาริย์ให้กับลูกศิษย์มากมายที่นิยมเครื่องรางสายกุมารแรงๆ ซึ่งท่านได้หยุดสร้างมานาน จนในปีนี้ท่านอายุครบ 99 ปี ซึ่งทางศิษยานุศิษย์ได้จัดงานประจำปีไหว้ครูขึ้น เมื่อวันที่ 14 –15 เมษายน พ.ศ.2559 ท่านจึงมีดำริให้จัดสร้างครั้งยิ่งใหญ่เต็มสูตร มีการบวงสรวงเทพเจ้าทุกชั้นฟ้า เชิญครูบาอาจารย์ต่างๆเพื่อมาประสิทธิ์ประสาทด้วย การสร้างพรายดำ-พรายแดงในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งพิเศษ คือสร้างเป็นมหาภูติ-พรายกุมาร ดำ-แดง พี่น้องที่ใช้มวลสารและของทนสิทธิ์ที่ไปในสายบุญฤทธิ์และพุทธคุณ ท่านกล่าวว่าครั้งนี้เป็นการสร้างที่พิเศษสุดเพราะเป็นการเชิญวิญญาณชั้นสูงเทียบกับกุมารชั้นพรหม ซึ่งไม่เคยปรากฏการสร้างมาก่อน และใต้ฐานของกุมารได้ใช้เหรียญพระคณาจารย์ที่หลวงปู่เคารพนับถือและเหล็กสังฆวานร (เหล็กยอดฉัตรยอดเจดีย์ ๙ แห่ง หรือนวสังฆวานร))มาหลอมรวมแล้วกดพิมพ์เป็นกุมารองค์น้อยแล้วอุดใต้ฐานหุ่นกุมารอีกชั้นหนึ่ง ถือว่าเป็นของมงคลสูงสุดในสายบุญฤทธิ์ กุมารประเภทนี้หลวงปู่กล่าวว่าเป็นกุมารชั้นพรหมที่มีฤทธิ์มากผู้ใดปรารถนากุมารแรงๆ ให้บูชากุมารชั้นพรหมนี้ แล้วจะสมปรารถนาทุกประการ ผู้ที่บูชาต้องตั้งอยู่ในศีลในธรรมจะสำฤทธิ์ผลได้เร็ว

📍คาถาบูชาและวิธีการเลี้ยงกุมารทองของหลวงพ่อบุญส่ง
มะอะอุสิวังพรมมา มะอะอุ อะมาจิตะ หะมาจิตตะ
สิวังพรมมา อาคัจฉายะ อะคัจฉาหิ เอหิจิตตัง
ปิยังมะมะ วิญญาณเข้าร่าง มา มา มา เร็ว เร็ว เร็ว
วิธีการเลี้ยงกุมารทอง พรายดำ-พรายแดง
1. เมื่อได้รับกุมารกลับมาถึงบ้านแล้วให้จุดธูป 3 ดอก บอกเจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน บอกว่าขออนุญาตนำกุมารเข้าบ้านด้วย ขอให้เปิดประตูรับด้วยนะ (ถ้าไม่บอกกุมารจะเข้าบ้านไม่ได้)
2. ในบ้านหิ้งหรือโต๊ะหมู่บูชาและสิ่งที่เราเคารพกราบไหว้อยู่ก็ต้องจุดธูปบอกกล่าวขออนุญาตเช่นกัน
3. ห้ามนำกุมารของหลวงพ่อ ไปตั้งรวมกับพระอย่างเด็ดขาด สถานที่ตั้งกุมารที่ดีที่สุดคือหัวเตียง หรือตู้เสื้อผ้าหรือจะตั้งโต๊ะเล็ก แยกต่างหากก็ได้
4. การให้อาหารมื้อแรกให้ใช้ข้าวสวยร้อนๆ 2 ถ้วย ไข่ต้ม 2 ลูก น้ำแดง 2 แก้ว หรือ 2 ขวด มีหลอดเสียบไว้ให้ด้วย แล้วให้พูดว่า “พ่อกับแม่จัดเลี้ยงอาหารมื้อนี้ให้มื้อเดียว ครั้งต่อไปพ่อกับแม่จะกินอะไรก็ขอให้มากินด้วยกันส่วนของในบ้านพ่อแม่อนุญาตให้เลือกกินได้ตามใจไม่หวง (กรุณาสังเกตน้ำแดงอย่าให้แห้งต้องเติมหรือเปลี่ยนใหม่เมื่อน้ำยุบเหลือน้อยและตอนจัดอาหารมาเลี้ยงอย่าลืมจุดธูปบอกให้เขามากินโดยท่องคาถาที่ให้มาด้วย
5. การเลี้ยงกุมารต้องหมั่นเอาใจพูดคุยหยอกล้อเขาอยู่เสมอเพราะเขาเป็นภูมิเทวดาชั้นสูง (วิญญาณเด็ก) เมื่อเราเลี้ยงเขามา เราต้องรักเขาอย่างลูกของเรา ถ้ามีเด็กอยู่ในบ้านหมายถึงเด็กเล็กต้องบอกกุมารว่าอย่าไปกวนเขานะ (เพราะเขาชอบแหย่เด็กและเด็กจะเป็นสื่อดี)
6. กุมารหลวงพ่อมีคุณไม่มีโทษเมื่อเราดีต่อเขา เขาก็สนองคุณไม่ต้องพกพากุมารติดตัวหากมีธุระสำคัญให้จุดธูป 1 ดอก แล้วท่องคาถาเรียกเขา เพียงแค่นี้เขาก็ไปกับเราแล้ว
7. ให้อธิษฐานขอให้ลูกกุมารพรายดำ-พรายแดง ช่วยล้างหนี้หรือซื้อรถยนต์ บ้านที่อยู่ ให้บนด้วยข้าวสาร 1 กระสอบจะได้ผลทุกราย แล้วถ้าบนสำเร็จให้นำข้าวสารไปถวายวัดหรือทำบุญกับผู้ยากไร้หรือเด็กกำพร้า เพื่อเป็นการสร้างบุญบารมีกับกุมารทอง หรือนำไปถวายกับวัดใดก็ได้หรือนำกลับไปถวายวัดกระโจม

📲081-425-6328
📲096-249-2498
ไอดีไลน์ Kanesorn
คเณศรออนไลน์ เครื่องรางกุมารทอง คเณศรออนไลน์
เคน คเณศร คเณศร
มีสามขนาดครับ องค์ครูจนาดใหญ่สร้างน้อย มีกุมารอุดอย่างละ5องค์ครับ พรายดำ5พรายแดง5 ราคาคู่ละ1999(หมด)ขนาดกลาง คู่ละ 899 เล็ก คู่ละ499ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.kanesorn.com/view-1469.php


📍มหาภูติพรายกุมาร (กุมารนวสังฆวานร ที่แรงด้วยพุทธคุณของพระสุปฏิบันโณอาวุโสแห่งเมืองสิงห์บุรี)
คอกุมารที่ชอบของแรงๆ ไม่เข้าตัว ไม่มีใครไม่รู้จักกุมารพรายดำ-พรายแดง พรายกุมารพี่น้อง ของหลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม สิงห์บุรี ที่โด่งดังและเล่าขานกันในหมู่ศิษยานุศิษย์ถึงความแรง ความเฮี้ยน มาปีนี้ครบรอบ 99 ปี และได้มีพิธีไหว้ครู 59 หลวงพ่อดำริให้สร้างกุมารที่แรงขึ้นไปอีก คือ กุมารชั้นพรหม หรือ มหาภูติพรายกุมาร-ดำแดง ที่แรงฤทธิ์ครบสูตรเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีที่พึ่งพา และมีกำลังใจในการดำรงชีพ
📍หลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม คือครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีความสามารถในการสร้างกุมารทองและมีประสบการณ์น่าอัศจรรย์แก่ผู้บูชามาแล้ว ซึ่งจัดว่าเป็นพระภิกษุที่แกร่งกล้าด้วยพลังจิตและวิทยาคม โดยวิชาอาคมของท่านนั้นได้รับการถ่ายทอดมาจาก ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือ ขุนพันดาบแดง ผู้ที่เลื่องลือทางด้านวิชาอาคมหลายแขนง อีกทั้งท่านยังเป็นศิษย์สายวิชาเขาอ้อคนสำคัญที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน และยังเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแพอดีตเกจิเมืองสิงห์บุรี หลวงปู่เสือแห่งวัดไผ่สามกอ นอกจากนี้ท่านยังสามารถรับญาณจากครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้วรวมถึงญาณบารมีของหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดินอีกด้วย การสร้างกุมารทองของหลวงพ่อบุญส่งในอดีต ท่านสร้างกุมารทองพี่น้องที่เรียกว่ากุมารพรายดำ-พรายแดง จากดินเจ็ดป่าช้า ตามตำราของหลวงพ่อแพ เขมังกโร ผนวกกับวิชาหลวงพ่อเสือหลวงพ่อบุญส่งกล่าวว่ากุมารทอง พรายดำ-พรายแดง เป็นการเชิญวิญญาณชั้นสูงที่ต้องการมาสร้างบารมีแต่ถ้าจิตผู้สร้างไม่ถึงจะเชิญได้แค่สัมภเวสี และวิญญาณชั้นสูงมีฤทธิ์มาก และมีพุทธคุณจริงผู้ใดที่เคารพจะบังเกิดโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น แม้ในอดีตเคยมีหนี้สินก็จะสามารถปลดหนี้สินได้จนร่ำรวย หรือแม้แต่ในทางป้องกันอันตรายนั้น กุมารทองพรายดำ-พรายแดงก็มีพุทธคุณทางด้านนี้ สถานที่ใดมีกุมารทองมักจะปลอดจากอัคคีภัยและโจรผู้ร้าย ในอดีตหลวงพ่อบุญส่งท่านได้สร้างกุมารทอง พรายดำ-พรายแดง โดยลักษณะการปั้นง่ายๆมีหูตาจมูกปาก สีดำและสีแดง ซึ่งได้สร้างปาฏิหาริย์ให้กับลูกศิษย์มากมายที่นิยมเครื่องรางสายกุมารแรงๆ ซึ่งท่านได้หยุดสร้างมานาน จนในปีนี้ท่านอายุครบ 99 ปี ซึ่งทางศิษยานุศิษย์ได้จัดงานประจำปีไหว้ครูขึ้น เมื่อวันที่ 14 –15 เมษายน พ.ศ.2559 ท่านจึงมีดำริให้จัดสร้างครั้งยิ่งใหญ่เต็มสูตร มีการบวงสรวงเทพเจ้าทุกชั้นฟ้า เชิญครูบาอาจารย์ต่างๆเพื่อมาประสิทธิ์ประสาทด้วย การสร้างพรายดำ-พรายแดงในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งพิเศษ คือสร้างเป็นมหาภูติ-พรายกุมาร ดำ-แดง พี่น้องที่ใช้มวลสารและของทนสิทธิ์ที่ไปในสายบุญฤทธิ์และพุทธคุณ ท่านกล่าวว่าครั้งนี้เป็นการสร้างที่พิเศษสุดเพราะเป็นการเชิญวิญญาณชั้นสูงเทียบกับกุมารชั้นพรหม ซึ่งไม่เคยปรากฏการสร้างมาก่อน และใต้ฐานของกุมารได้ใช้เหรียญพระคณาจารย์ที่หลวงปู่เคารพนับถือและเหล็กสังฆวานร (เหล็กยอดฉัตรยอดเจดีย์ ๙ แห่ง หรือนวสังฆวานร))มาหลอมรวมแล้วกดพิมพ์เป็นกุมารองค์น้อยแล้วอุดใต้ฐานหุ่นกุมารอีกชั้นหนึ่ง ถือว่าเป็นของมงคลสูงสุดในสายบุญฤทธิ์ กุมารประเภทนี้หลวงปู่กล่าวว่าเป็นกุมารชั้นพรหมที่มีฤทธิ์มากผู้ใดปรารถนากุมารแรงๆ ให้บูชากุมารชั้นพรหมนี้ แล้วจะสมปรารถนาทุกประการ ผู้ที่บูชาต้องตั้งอยู่ในศีลในธรรมจะสำฤทธิ์ผลได้เร็ว
📍คาถาบูชาและวิธีการเลี้ยงกุมารทองของหลวงพ่อบุญส่ง
มะอะอุสิวังพรมมา มะอะอุ อะมาจิตะ หะมาจิตตะ
สิวังพรมมา อาคัจฉายะ อะคัจฉาหิ เอหิจิตตัง
ปิยังมะมะ วิญญาณเข้าร่าง มา มา มา เร็ว เร็ว เร็ว
วิธีการเลี้ยงกุมารทอง พรายดำ-พรายแดง
1. เมื่อได้รับกุมารกลับมาถึงบ้านแล้วให้จุดธูป 3 ดอก บอกเจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน บอกว่าขออนุญาตนำกุมารเข้าบ้านด้วย ขอให้เปิดประตูรับด้วยนะ (ถ้าไม่บอกกุมารจะเข้าบ้านไม่ได้)
2. ในบ้านหิ้งหรือโต๊ะหมู่บูชาและสิ่งที่เราเคารพกราบไหว้อยู่ก็ต้องจุดธูปบอกกล่าวขออนุญาตเช่นกัน
3. ห้ามนำกุมารของหลวงพ่อ ไปตั้งรวมกับพระอย่างเด็ดขาด สถานที่ตั้งกุมารที่ดีที่สุดคือหัวเตียง หรือตู้เสื้อผ้าหรือจะตั้งโต๊ะเล็ก แยกต่างหากก็ได้
4. การให้อาหารมื้อแรกให้ใช้ข้าวสวยร้อนๆ 2 ถ้วย ไข่ต้ม 2 ลูก น้ำแดง 2 แก้ว หรือ 2 ขวด มีหลอดเสียบไว้ให้ด้วย แล้วให้พูดว่า “พ่อกับแม่จัดเลี้ยงอาหารมื้อนี้ให้มื้อเดียว ครั้งต่อไปพ่อกับแม่จะกินอะไรก็ขอให้มากินด้วยกันส่วนของในบ้านพ่อแม่อนุญาตให้เลือกกินได้ตามใจไม่หวง (กรุณาสังเกตน้ำแดงอย่าให้แห้งต้องเติมหรือเปลี่ยนใหม่เมื่อน้ำยุบเหลือน้อยและตอนจัดอาหารมาเลี้ยงอย่าลืมจุดธูปบอกให้เขามากินโดยท่องคาถาที่ให้มาด้วย
5. การเลี้ยงกุมารต้องหมั่นเอาใจพูดคุยหยอกล้อเขาอยู่เสมอเพราะเขาเป็นภูมิเทวดาชั้นสูง (วิญญาณเด็ก) เมื่อเราเลี้ยงเขามา เราต้องรักเขาอย่างลูกของเรา ถ้ามีเด็กอยู่ในบ้านหมายถึงเด็กเล็กต้องบอกกุมารว่าอย่าไปกวนเขานะ (เพราะเขาชอบแหย่เด็กและเด็กจะเป็นสื่อดี)
6. กุมารหลวงพ่อมีคุณไม่มีโทษเมื่อเราดีต่อเขา เขาก็สนองคุณไม่ต้องพกพากุมารติดตัวหากมีธุระสำคัญให้จุดธูป 1 ดอก แล้วท่องคาถาเรียกเขา เพียงแค่นี้เขาก็ไปกับเราแล้ว
7. ให้อธิษฐานขอให้ลูกกุมารพรายดำ-พรายแดง ช่วยล้างหนี้หรือซื้อรถยนต์ บ้านที่อยู่ ให้บนด้วยข้าวสาร 1 กระสอบจะได้ผลทุกราย แล้วถ้าบนสำเร็จให้นำข้าวสารไปถวายวัดหรือทำบุญกับผู้ยากไร้หรือเด็กกำพร้า เพื่อเป็นการสร้างบุญบารมีกับกุมารทอง หรือนำไปถวายกับวัดใดก็ได้หรือนำกลับไปถวายวัดกระโจม
📲081-425-6328
📲096-249-2498
ไอดีไลน์ Kanesorn
คเณศรออนไลน์ เครื่องรางกุมารทอง คเณศรออนไลน์
เคน คเณศร คเณศร
มีสามขนาดครับ องค์ครูจนาดใหญ่สร้างน้อย มีกุมารอุดอย่างละ5องค์ครับ พรายดำ5พรายแดง5 ราคาคู่ละ1999(หมด)ขนาดกลาง คู่ละ 899 เล็ก คู่ละ499ครับ

🎯พรายดำ-พรายแดงของหลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม เป็นกุมารพี่น้อง เป็นคู่กัน ถ้าอีกตนนึงไปหาทรัพย์อีกตนหนึ่งจะต้องอยู่เฝ้าบ้าน ตามสายวิชาการสร้างนี้หลวงพ่อได้บอกว่า พรายดำ แดงนี้เป็นกุมารที่แรงเพราะใช้ดินเจ็ดป่าช้าจริงๆและเป็นดินที่อยู่บนหลุมฝังศพที่ขุดเจอเด็กที่ฝังแล้วไม่เน่าเปื่อยหรือดินปากหลุมของกุมารทองของจริงนั่นเองถึงจะแรงด้วยอาถรรพ์ และต้องหาให้ได้อย่างน้อยเจ็ดแห่งถือว่าเป็นอันเสร็จในเรื่องของมวลสารก่อรูปหุ่นกุมาร (หลวงพ่อท่านกล่าวว่าท่านหาดินนี้มาได้จริงเนื่องจากครั้งนึงเวลามีการล้างป่าช้าก็จะมีกรรมการมาเชิญท่านไปประกอบพิธีและท่านเป็นกรรมการอยู่หลายแห่งเนื่องจากท่านมีเชื้อสายจีนทุกครั้งที่พบท่านจะเก็บดินปากหลุมกุมารทองแต่ละที่มาเป็นกระสอบป่านและท่านก็เก็บมาได้มากกว่าเจ็ดแห่ง ซึ่งใช้สร้างพรายดำพรายแดงที่เลื่องลือในอดีต)ในส่วนของมวลสารอื่นๆอาทิ ดินเจ็ดทุ่ง เจ็ดท่าน้ำที่มีคนขึ้นลงมาก ไคลเสมาโบสถ์ ดินพระธาตุองค์สำคัญเช่นดินพระธาตุพนม พระบรมธาตุ และอีกหลายแห่ง ดินสังเวชนียสสถาน และดินปฐวีธาตุแห่งลำโขง ทั้งใช้เหล็กสังฆวานร อันได้แก่เหล็กยอดเจดีย์สำคัญที่อยู่ส่วนยอดและถูกบูรณะลงมาทั้งเก้าแห่ง เก้าอาราม พร้อมด้วยเหรียญเสกของครูบาอาจารย์ต่างๆนำมาเป็นชนวนในการหลอมเป็นกุมารองค์เล็กไว้อุดใต้ฐานกุมารอีกทีนึงเพื่อให้เกิดความเป็นมงคลสูงสุดในสายบุญฤทธิ์อันเป็นที่สถิตของวิญญาณชั้นสูงที่มีบารมีมาก และประกอบพิธีบวงสรวงทั้งเทพเจ้าจีน พราหมณ์ เทพพยาดาทั้งสิบหกชั้นฟ้าสิบห้าชั้นดินครูอาจารย์มาร่วมประสิทธิ์และประสาทวัตถุมงคลนี้ให้แรงด้วยอำนาจพุทธคุณ ท่านกล่าวว่าในตำราที่เรียนตามกันมาของเขาอ้อที่เชี่ยวชาญพยนต์ และหลวงพ่อแพที่เชี่ยวชาญกุมารทอง และหลวงพ่อเสือ วัดไผ่สามกอ ท่านนำมาผนวกและทำตามขั้นตอนอย่างครบถ้วน สาเหตุที่ท่านต้องใช้มวลสารชั้นสูงที่ศักดิ์สิทธิ์เพราะท่านบอกว่ากุมารชั้นพรหมคือกุมารที่เป็นดวงจิตที่มีบารมีมาก เชิญบารมีและดวงวิญญาณชั้นสูงที่ยังต้องสร้างบารมีอยู่ลงมาช่วยเหลือเพื่อสร้างบุญ แต่หากใช้มวลสารที่เป็นไปในเรื่องชิ้นส่วนของมนุษย์จะได้ความเฮี้ยนแรงของสายพรายซึ่งต้องกำกับอย่างเข้มงวดเพราะถ้าไม่เข้มงวดพรายนี้อาจย้อนมาทำร้ายได้ทุกเมื่อซึ่งยากแก่ผู้ไม่มีวิชาอาคมจะเลี้ยง แต่กุมารชั้นพรหมจะเป็นกุมารที่มีฤทธิ์สูงมากจนเชื่อกันว่าสามารถคุมกุมารอื่นๆได้ด้วยเพราะเป็นวิญญาณชั้นสูงกว่าดวงวิญญาณทั่วไปวิญญาณทั่วไปบารมีมากกว่า การเลี้ยงไม่ค่อยยุ่งยาก สวดมนต์ภาวนาอุทิศบุญให้สม่ำเสมอ อาหารหยาบตามโอกาส ขออะไรได้สมปรารถนา เคล็ดวิธีการใช้พรายดำพรายแดงนี้ให้เชิญจิตหรือเรียกตนใดตนหนึ่งออกไปทำงานด้วยกัน อีกตนนึงเฝ้าบ้าน หากตนไหนหาเงินได้มากก็เอาไปอีกถ้าได้ไม่ถึงเป้าก็เอาอีกตนหนึ่งไปทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ พรายพี่น้องจะแข่งขันกันช่วย หากพรายดำพรายแดงกลับหลังหันเองตอนรุ่งเช้าก็เสมือนเป็นการเตือนภัยให้ระวังอุบัติเหตุ ยามเดินทาง หรือบนด้วยข้าวสารจะสำเร็จผลเร็วเป็นต้น
คาถาบูชาและวิธีการเลี้ยงกุมารทองของหลวงพ่อบุญส่ง วัดกระโจม จ.สิงห์บุรี
มะอะอุสิวังพรมมา มะอะอุ อะมาจิตะ หะมาจิตตะ
สิวังพรมมา อาคัจฉายะ อะคัจฉาหิ เอหิจิตตัง
ปิยังมะมะ วิญญาณเข้าร่าง มา มา มา เร็ว เร็ว เร็ว
วิธีการเลี้ยงกุมารทอง พรายดำ-พรายแดง
1. เมื่อได้รับกุมารกลับมาถึงบ้านแล้วให้จุดธูป 3 ดอก บอกเจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน บอกว่าขออนุญาตนำกุมารเข้าบ้านด้วย ขอให้เปิดประตูรับด้วยนะ (ถ้าไม่บอกกุมารจะเข้าบ้านไม่ได้)
2. ในบ้านหิ้งหรือโต๊ะหมู่บูชาและสิ่งที่เราเคารพกราบไหว้อยู่ก็ต้องจุดธูปบอกกล่าวขออนุญาตเช่นกัน
3. ห้ามนำกุมารของหลวงพ่อ ไปตั้งรวมกับพระอย่างเด็ดขาด สถานที่ตั้งกุมารที่ดีที่สุดคือหัวเตียง หรือตู้เสื้อผ้าหรือจะตั้งโต๊ะเล็ก แยกต่างหากก็ได้
4. การให้อาหารมื้อแรกให้ใช้ข้าวสวยร้อนๆ 2 ถ้วย ไข่ต้ม 2 ลูก น้ำแดง 2 แก้ว หรือ 2 ขวด มีหลอดเสียบไว้ให้ด้วย แล้วให้พูดว่า “พ่อกับแม่จัดเลี้ยงอาหารมื้อนี้ให้มื้อเดียว ครั้งต่อไปพ่อกับแม่จะกินอะไรก็ขอให้มากินด้วยกันส่วนของในบ้านพ่อแม่อนุญาตให้เลือกกินได้ตามใจไม่หวง (กรุณาสังเกตน้ำแดงอย่าให้แห้งต้องเติมหรือเปลี่ยนใหม่เมื่อน้ำยุบเหลือน้อยและตอนจัดอาหารมาเลี้ยงอย่าลืมจุดธูปบอกให้เขามากินโดยท่องคาถาที่ให้มาด้วย
5. การเลี้ยงกุมารต้องหมั่นเอาใจพูดคุยหยอกล้อเขาอยู่เสมอเพราะเขาเป็นภูมิเทวดาชั้นสูง (วิญญาณเด็ก) เมื่อเราเลี้ยงเขามา เราต้องรักเขาอย่างลูกของเรา ถ้ามีเด็กอยู่ในบ้านหมายถึงเด็กเล็กต้องบอกกุมารว่าอย่าไปกวนเขานะ (เพราะเขาชอบแหย่เด็กและเด็กจะเป็นสื่อดี)
6. กุมารหลวงพ่อมีคุณไม่มีโทษเมื่อเราดีต่อเขา เขาก็สนองคุณไม่ต้องพกพากุมารติดตัวหากมีธุระสำคัญให้จุดธูป 1 ดอก แล้วท่องคาถาเรียกเขา เพียงแค่นี้เขาก็ไปกับเราแล้ว
7. ให้อธิษฐานขอให้ลูกกุมารพรายดำ-พรายแดง ช่วยล้างหนี้หรือซื้อรถยนต์ บ้านที่อยู่ ให้บนด้วยข้าวสาร 1 กระสอบจะได้ผลทุกราย แล้วถ้าบนสำเร็จให้นำข้าวสารไปถวายวัดหรือทำบุญกับผู้ยากไร้หรือเด็กกำพร้า เพื่อเป็นการสร้างบุญบารมีกับกุมารทอง หรือนำไปถวายกับวัดใดก็ได้หรือนำกลับไปถวายวัดกระโจม
 
📌สนใจติดต่อบูชาและสอบถามได้
ร้านพระเครื่องคเณศร บิ๊กซี📌สมุทรปราการ
📲081-425-6328
📲096-249-2498
🆔ไอดีไลน์ Kanesorn
🔴คเณศร พัทยา ชลบุรี 087-746-9888
และศูนย์พระเครื่องชั้นนำทั่วไป
คเณศรออนไลน์ เครื่องรางกุมารทอง คเณศรออนไลน์
เคน คเณศร คเณศร

ความคิดเห็น

เนื้อหาที่ได้รับความนิยมในรอบ 1 เดือน :

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดถ้ำภูกำพร้า (วัดภูกำพร้า) จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดภูกำพร้า อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิด ไม่ทราบ มรณภาพ พ.ศ.2548 อายุ ไม่ทราบ (ว่ากันว่า 200 กว่าปี) พรรษา ไม่ทราบ สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้วจนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200 กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548

ประวัติ หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา

หลวงปู่ทอง อายะนะ (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 117 ปี ท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ส่วนลูกศิษย์ฆราวาสที่เคราพเลื่อมใสท่านมากก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ด้านวัตถุมงคลของท่านมีทั้งพระเครื่องเนื้อพิมพ์สมเด็จ ลูกอม ชานหมาก เสื้อยันต์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ เหรียญรุ่นแรก ประวัติหลวงปู่ทอง อายะนะ หลวงปู่ทอง อายานะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดบางเงินพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดบางเงินพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น...

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ (หลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ) หรือ หลวงพ่อหลาบ วัดบางเป้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางเป้ง และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา ท่านเป็นเกจิดังของตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดบางเป้งจนมีความรุ่งเรือง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ใครมาขอความช่วยเหลือจากท่านท่านก็ช่วยเหลือมิไม่ได้ขาด ท่านเป็นพระเกจิที่ชาวบางแสนให้ความเคารพอย่างมาก และท่านยังให้ความสำคัญของการศึกษาท่านได้สร้างโรงเรียนวัดบางเป้ง (กุหลาบราษฎร์อำนวยวิทย์) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นต้น ประวัติและสถานะเดิม พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ ท่านมีนามเดิมว่า " กุหลาบ " นามสกุล " อุ่นจิตร หรือ อุ่นจิตต์ (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบไหนครับ) " เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2431 บิดาชื่อ นายช้อน มารดาชื่อ นางเจียก อุ่นจิตร ท่านเกิด ณ หมู่ที่ 1 บ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (บริเวณสถานีดับเพลิง ต.แสนสุข) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน หลวงพ่อกุหลาบเป็นบุตรคนสุดท้อง ดังนี้ พระอธิการอั...

ประวัติ หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก วัดห้วยใหญ่

พระครูภัทรกิจวิบูล (ก้าน ภทฺทโก) พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก) หรือ อาจารย์ก้าน หรือ หลวงพ่อก้าน วัดห้วยใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เกจิดังของตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สังขารท่านไม่เน่าเปลื่อยอยู่ในโรงแก้วจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อก้านท่านพัฒนาวัดห้วยใหญ่จนรุ่นเรือง และช่วยสร้างอื่นๆ เช่นวัดนาจอมเทียน , วัดทุ่งระหาร และวัดชากแง้ว ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนนาจอมเทียนไปถึงถนนบ้านบึงเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ท่านเป็นพระนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระนักพัฒนาที่น่ายกยอง ประวัติ หลวงพ่อก้าน มีเดิมว่า " ก้าน " นามสกุล " เจริญคลัง " ท่านเป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดที่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 13 ค่ำ ปีมะแม โยมบิดาชื่อ เส็ง เกิดที่เมืองจีน โยมแม่ชื่อ นิด นามสกุล เจริญคลัง ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเยาว์นั้นท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบไปใส่บาตรพระกับผู้ใหญ่เสมอๆ บรรพชา เมื่ออายุได้ 14 ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จั...

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ หรือ พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต วัดเวฬุวัน

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ (พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต) วัดเวฬุวัน ตำบลพยุห์ อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาติภูมิและอุปสมบท ณ บ้านหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในวันศุกร์ที่  ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ ในครอบครัวของพ่อลี แม่ตุ่น สว่างกุล ได้ก่อกำเนิดลูกชายคนที่ ๘ จากจำนวนทั้งหมด ๙ คน เด็กคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าลูกคนอื่นๆ พ่อจึงได้ตั้งชื่อว่า "จ่อย" ซึ่งเป็นภาษาอีสานหมายถึงผอมแห้ง เด็กชายจ่อยได้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวด้วยการช่วยทำงานทุกอย่างเหมือนดั่งเด็กโต ในยามว่างสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กชายจ่อยคือ ชอบไปนั่งคุยกับพระที่วัดถามถึงเรื่องบาปบุญว่ามีจริงไหม บาปอยู่ที่ไหน บุญอยู่ที่ใด เป็นคำถามที่พระในวัดมักจะถูกถามอยู่เสมอๆ ซึ่งพระในวัดท่านก็ตอบว่า "ถ้าอยากรู้ว่าบาปบุญมีจริงไหม ก็ลองมาบวชดูแล้วจะรู้" คำตอบที่พระท่านตอบมาทำให้ในวันนั้นเด็กชายจ่อยฝังใจในการหาคำตอบ พอเริ่มโตเป็นวัยรุ่น จึงได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ว่า "บัดนี้ครอบครัวก็เป็นปึกแผ่นแล้ว อยากจะออกบวชเรียน เพื่อศึกษาหาคำตอบที่สงสัยมานาน" เมื่อพ่อแม่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้บวชเป็นสามเณ...

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี หลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร  พระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งแห่ง จันทบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกระทิงท่านเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์ มีวิชาอาคมอันแก่กล้า  โดยเฉพาะ ท่านสามารถใช้เวทมนตร์ สะกดพวกสัตว์ป่า ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน ในตอนที่ เขาคิชฌกูฎ ได้เปิดให้ผู้คนขึ้นมาสักการะพระพุทธรูป ไหว้พระ และมากราบนมัสการท่าน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ณ บ้านกะทิง ต.พลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ (ขณะนั้นเป็นอำเภอมะขาม) จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายอยู่ และ นางมุ้ง ทองคำ ในครอบครัวของท่านประกอบอาชีพพวกเกษตรกรรม และการหาของป่าสมุนไพร ดังนั้น ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาพืชสมุนไพรและของป่าบนเขาคิชฌกูฏ จนมีความชำนาญ ในช่วงวัยเรียน ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดกะทิง ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนกระทั่งพอท่านมีอายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูนิเทศคณานุสิฏฐ์ วัดหนองอ้อ ต.มะขาม อ.มะขาม ...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ชาลี ถิรธัมโม วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

ประวัติและปฏิปทา พระครูจิตตภาวนาญาณ (หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม) วัดป่าภูก้อน ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี “พระครูจิตตภาวนาญาณ” หรือ “หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม” มีนามเดิมว่า ชาลี นามสกุล บุตรน้อย เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๘ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนแปด ปีระกา ณ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โยมบิดาชื่อ นายคำ บุตรน้อย โยมมารดาชื่อ นางกัน บุตรน้อย มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ อายุ ๑๙ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศิริราษฎร์วัฒนา บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โดยมี พระครูอดุลสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศิริราษฎร์วัฒนา จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอาจารย์คำมี สุวัณณสิริ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาที่วัดศิริราษฎร์วัฒนา จ.สกลนคร ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ไปจังหวัดเลย ได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ต่อไปทางภาคเหนือ, จังหวัดหนองคาย, จังหวัดอุดรธานี แล...

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน หลวงปู่เขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดหรงบน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้นก็สามารถบอกถึงกำหนดวันมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากสังขารท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไหม้ได้อีกด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมสูงมาก เช่น เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อลอยองค์ ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว ลูกอม ตะกรุด และพระปิตตา ฯลฯ ประวัติ หลวงปู่เขียว อินทมุนี ท่านเกิดเมื่อปี พุทธศักราช 2424 ในแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อยังเยาว์วัย พ่อท่านเขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งการศึกษาวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของชาติไทยสมัยก่อน จนเมื่อมีอายุได้ 22 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจสละเพศฆราวาส อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2446 ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ. 2446 พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็อยู่รับใช้ป...

พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี (หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง)

พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี หรือ หลวงพ่อแช่ม ท่านเกิดที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาท่านเกิดในพุทธศักราช 2370 (ปีกุน) ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดไชยธารารามหรือวัดฉลอง และเป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างมากของชาวจังหวัดภูเก็ต ท่านได้มรณภาพ เมื่อ พ.ศ. 2451 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ประวัติพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี หรือ หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อจากพ่อท่านเฒ่า ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระครูวิสุทธิวงศาจาริย์ญาณมุนี" ตำแหน่งสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต ไม่ปรากฏนามโยมบิดามารดา โดยโยมบิดามารดาได้ให้ท่านอยู่ ณ วัดฉลอง โดยเป็นศิษย์ของท่านพ่อเฒ่าเมื่อครั้งเยาว์วัยจนได้บวชสามเณร และได้บรรพชาเป็นพระภิกษุจำพรรษาที่วัดฉลอง (ในปี พ.ศ. 2420 ได้รับพระราชนามเป็น วัดไชยธาราราม) ตำบลฉลอง อำเภอเมือง (เดิม ทุ่งคา) จังหวัดภูเก็ต หลวงพ่อแช่มชำนาญด้านสายวิปัสนาธุระได้รับการศึกษาด้านนี้จากพ่อท่านเฒ่าจนมีความเชี่ยวชาญ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว จังหวัดพิษณุโลก

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก หลวงปู่ทองคำ สุวโจ เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2472 เป็นบุตร นายนวล กันสีชา และ นาง บุญ กันสีชา มีพี่น้องร่วมท้อง 4 คนโดยหลวงปู่เป็นบุตรคนโต เมื่ออายุ ได้ 14 ปี หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร วัดบ้านบ้านคำครั่ง อ.กระนวน จ. ขอนแก่น หลังจาที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้วสนใจในการศึกษาเล่าเรียน จึงได้ออกเดินทางไปยังสำนักของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และได้ศึกษาตำรามูลกระจายสูตร และพระคาถาต่างๆ จากพระอาจารย์ฝั้น เป็นเวลาถึง 9 ปี จากนั้นหลวงปู่จึงได้ลาสิกขา ถึงแม้จะเป็นฆราวาส หลวงปู่ทองคำก็ยังมิขาดที่จะศึกษาพระเวทย์ โดยข้ามฝั่งเดินทางไปศึกษาไปยังประเทศลาว ที่วัดพระบาทโพนสัน จาก พระครูขี้หอม หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ข้ามกลับมาฝั่งไทย และอุปสมบทที่วัดราชพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระครูพิสัยสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ทองคำ ได้เดินทางออกธุดงค์เรื่อยมาตลอด และได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร และอยู่ปรนนิบัติและศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงปู่ทองมา ถาว...