ประวัติ หลวงพ่อริ้ว วัดตลาดเกรียบ (อยุธยา)
"พระครูอุดมศีลวัตร์" (หลวงพ่อริ้ว สุทธิญาโณ) ท่านถือกำเนิดเมื่อ วันพุธ เดือน๗ ปีชวด พ.ศ.๒๔๔๓ ที่ตำบลตลาดเกรียบ อำเภอบางประอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นามเดิมท่านชื่อ ริ้ว นามสกุล "ภาคโกสุม" โยมบิดาชื่อ นายนาค โยมมารดาชื่อ นางเลื่อม มีพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกัน ๔ คน
๑. นายล้วน ภาคโกสุม
๒. พระครูอุดมศีลวัตร์ (หลวงพ่อริ้ว)
๓. นายเรื่อง ภาคโกสุม
๔. นางแฉล้ม ภาคลำเจียก
ครอบครัวท่านประกอบอาชีพค้าขายทั่วไป บิดามารดาของท่านเป็นคนไทยเชื้อสายมอญ แต่เดิมตั้งรกรากอยู่ที่ ต.สวนพริกไทย อ.เมือง จ.ปทุมธานี ต่อมาได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ ต.ตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อริ้วในวัยหนุ่ม ท่านเป็นคนที่พูดจริง ทำจริง ตรงไปตรงมา ชอบใช้ชีวิตแบบนักเลง แต่มีคุณธรรม ไม่เคยข่มเหงรังแกใครก่อน แต่ถ้าใครมาข่มเหงรังแกท่านอย่างไม่เป็นธรรม ท่านจะสู้อย่างยิบตาเลยทีเดียว
ต่อมาเมื่อมีอายุ ๒๙ ปี (พ.ศ.๒๔๗๒) ท่านได้อุปสมบท ณ วัดตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน โดยมีพระญาณไตรโลก (ฉาย) เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “สุทธิญาโย” แปลว่า “ถูกต้องอย่างแท้จริง” ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดตลาดเกรียบเรื่อยมา โดยตั้งสัจจะว่าจะครองเพศบรรพชิตตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
หลังจากนั้น ๒-๓ พรรษา ท่านได้ฝากตัวศึกษาสมถะวิปัสสนากรรมฐานและวิชาไสยเวทกับ ๒ พระคณาจารย์ชื่อดังในยุคนั้น คือ (หลวงปู่นาค วัดระฆังโฆสิตาราม) บางกอกน้อย กทม. และ (หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก) ต.หน้าไม้ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดตลาดเกรียบ โดยได้รับสมณศักดิ์ในพระราชทินนาม “พระครูอุดมศีลวัตร”
หลวงพ่อริ้วเป็นพระรักสันโดษ มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ชอบเจริญสมถะวิปัสสนากรรมฐานอยู่ตามป่าช้าเป็นประจำ ท่านจึงเป็นพระเถระที่ทรงอภิญญา สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ มีวาจาสิทธิ์ ให้พรใครแล้วได้ดีทุกคน นอกจากนั้นท่านยังสำเร็จวิชานะปัดตลอด เวลาท่านจะลงกระหม่อมให้ลูกศิษย์ ท่านจะให้ลูกศิษย์นั่งบนแผ่นใบตอง เมื่อท่านใช้นิ้วมือจารอักขระตัว "นะ" บนศีรษะของลูกศิษย์แล้วเป่ามนตร์ลงไป เมื่อลูกศิษย์ลุกขึ้นมา อักขระตัว "นะ" จะไปปรากฏอยู่บนแผ่นใบตองอย่างน่าอัศจรรย์
ตำแหน่งที่ได้รับ
พ.ศ.๒๔๗๒ รับตำแหน่งเป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดตลาดเกรียบ
พ.ศ.๒๔๗๓ ได้รับตราตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดตลาดเกรียบ
พ.ศ.๒๔๗๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลตลาดเกรียบ
พ.ศ.๒๔๙๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.๒๕๐๑ ได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูอุดมศีลวัตร์
ในด้านความเชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทของหลวงพ่อริ้วนั้น เริ่มจากการสักยันต์ก่อน จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรีและมหาอุด แต่มีลูกศิษย์บางคนที่ไปสักยันต์กับท่านต่อมาได้กลายเป็นโจรผู้ร้ายปล้นฆ่าชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมก็เกิดการต่อสู้ไล่ยิงกันขึ้น แต่กระสุนไม่สามารถระคายผิวหนังของโจรผู้ร้ายได้เลย ทางการจึงมาขอร้องให้หลวงพ่อริ้วเลิกสักยันต์ ตั้งแต่นั้นมา ท่านจึงเลิกสักยันต์ และเริ่มมีการสร้างเครื่องรางของขลังขึ้นมาแทน เช่น ตะกรุด ผ้าประเจียด เหรียญ พระสมเด็จ พระนางพญา ภาพถ่ายอัดกระจก ผ้ายันต์ ฯลฯ
วัตถุมงคลประเภทเหรียญ หลวงพ่อริ้วได้จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๖ ลักษณะเป็นเหรียญรูปใบเสมา ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อริ้วครึ่งองค์ หน้าตรง ขอบเหรียญด้านบนเป็นอักษรไทยอ่านได้ว่า “วัดตลาดเกรียบ” ใต้รูปท่านเป็นอักษรไทยอ่านได้ว่า “หลวงพ่อริ้ว” ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ตัวอุณาโลม หางชี้ขึ้น ๕ ตัว อยู่บนเหนือยันต์ตัวนะ ๑ ตัว พร้อมทั้งระบุปีพ.ศ.ที่จัดสร้างไว้เป็นเลขไทยว่า “๒๕๐๖” อยู่ใต้ยันต์ จำนวนเหรียญที่จัดสร้างทั้งหมด ๕๐๐ เหรียญ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และทองแดงกะไหล่เงิน มี ๒ พิมพ์ โดยสังเกตที่คำว่า “วัดตลาดเกรียบ” ตรงด้านหน้าของเหรียญ พิมพ์แรกตัว “ด” ของคำว่าตลาดเขียนผิดเป็น “ค” ส่วนพิมพ์ที่ ๒ ตัว “ด” เขียนถูกต้อง
มีเรื่องเล่ากันว่า การปลุกเสกเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อริ้ว มีวิธีการที่ค่อนข้างพิสดาร กล่าวคือท่านจะเสกน้ำมนต์ที่ใส่ไว้ในบาตรจนเดือดพล่าน แล้วจึงนำเหรียญดังกล่าวใส่ลงไปในบาตร เสกจนกระทั่งเหรียญวิ่งเกรียวกราวไปมาในบาตร จึงเสร็จพิธี
เหรียญหลวงพ่อริ้ว รุ่นแรก ปี พ.ศ.๒๕๐๖ ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะคนในพื้นที่นิยมกันมาก เนื่องจากมีพุทธคุณในทุกๆด้าน โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี นั้นเด่นชัดที่สุด หนังเหนียวชนิดแมลงวันไม่ได้กินเลือดเลยทีเดียว
ในด้านประสบการณ์อื่นๆ เคยมีพกพาเหรียญหลวงพ่อริ้วรุ่นแรกติดตัวไป แล้วไปถูกยิงจนกระเด็นตกน้ำบ้าง ตกมอเตอร์ไซค์บ้าง แต่กระสุนไม่ระคายผิวหนังบุคคลเหล่านั้นเลย สามารถลุกขึ้นมาเย้ยมัจจุราชได้อย่างน่าอัศจรรย์
สมัยที่หลวงพ่อริ้วยังมีชีวิตอยู่ ได้มีการจัดสร้างเหรียญรุ่น ๒ ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ เป็นรูปใบเสมา จำนวนสร้างมีเนื้อทองแดง ๓,๐๐๐ เหรียญ เนื้อเงิน ๕๐ เหรียญ ได้รับความนิยมมากพอสมควรเช่นกัน
การก่อสร้างปฎิสังขรณ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ จัดสร้างพระอุโบสถวัดตลาดเกรียบ เริ่ม พ.ศ.๒๕๑๓ จนสำเร็จเรียบร้อย และฉลองเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๕
หลวงพ่อริ้ว มรณภาพด้วยโรคปอดพิการ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ ทางวัดได้เก็บร่างของท่านไว้ ๑ ปี และได้ขอพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๑๖ ซึ่งในวันดังกล่าว ได้เกิดเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ขึ้น คือ ร่างของท่านเผาอย่างไรก็ไม่ไหม้ แม้เวลาจะผ่านพ้นไปถึง ๖ ชั่วโมงแล้วก็ตาม จนต้องให้พระสงฆ์รูปหนึ่งของวัดที่มีพรรษามากที่สุดมาจุดธูปเทียนบอกกล่าวขอขมาท่าน สรีระของท่านจึงได้ไหม้ไฟไปหมด นับเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมาก
หลวงพ่อริ้ว ท่านถึงแก่มรณภาพลง เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕ สิริรวมอายุได้ ๗๒ ปี ๔๓ พรรษา
เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
https://www.facebook.com/prakejidansiam/
#ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
#พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
#เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น