ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก จังหวัดสุรินทร์

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่สาม อกิญจโน

หลวงปู่สาม อกิญฺจโน อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าไตรวิเวก ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พระป่าปฏิบัติศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่ดูลย์ อตุโล และหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม หลวงปู่สาม มีนามเดิมว่า สาม เกษแก้วสี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 10 ตรงกับเดือนกันยายน พ.ศ. 2443 ณ บ้านนาสาม ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายปวม และนางถึง เกษแก้วสี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 11 คน ท่านเป็นบุตรคนโต (หัวปี)

การบรรพชาและอุปสมบท

ชีวิตในวัยเด็กนั้นสุดแสนยากลำบาก เพราะท่านต้องทำงานทุกอย่าง ลักษณะคล้ายผู้หญิงด้วยว่า น้องๆ ของท่านเป็นผู้ชายเสียหมด ไม่มีผู้หญิงเลย เมื่ออายุ 19 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร สายมหานิกาย ณ วัดบ้านนาสาม อันเป็นวัดใกล้บ้านเกิดของท่าน จนกระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูวิมลศีลพรต เป็นพระอุปัชฌาย์



พระป่าศิษย์สาย “หลวงปู่มั่น”

ภายหลังอุปสมบท ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระธรรมวินัย ต่อมาใน พ.ศ. 2467 เมื่อทราบข่าวและกิตติศัพท์ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ว่าได้กลับจากธุดงค์และจำพรรษาที่วัดป่าหนองเสม็ด ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ จึงได้ไปกราบขอฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลวงปู่ดูลย์ เห็นถึงความตั้งใจและความพากเพียรที่จะเอาดีทางด้านประพฤติปฏิบัติของศิษย์ จึงแนะนำให้ไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่จังหวัดสกลนคร

ท่านจึงกราบลาออกเดินธุดงค์รอนแรมไปท่ามกลางป่าเขาเป็นเวลาหลายเดือน กว่าจะได้เข้านมัสการหลวงปู่มั่น แล้วท่านก็ได้พักปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่มั่น 3 เดือน ภายหลังจากสามเดือนผ่านไป หลวงปู่มั่นได้แนะนำให้หลวงปู่สาม ไปพบกับหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม เพื่อเป็นพระผู้ฝึกฝนอบรมสั่งสอนต่อไป

ในปีที่มาอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่สิงห์นั้น ท่านได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจอยู่กับการปฏิบัติจนต้องล้มป่วยอย่างหนักเกือบเสีย ชีวิต แต่ด้วยจิตใจเข้มแข็งแรงกล้าในธรรมะของพระศาสดา พร้อมกับได้เห็นความจริงที่เกิดขึ้นภายในใจ ท่านไม่ยอมละลดต่อสู้กับโรคภัยนั้น ชนิดผอมหนังหุ้มกระดูก ต้องอาศัยกำลังใจ และไม้เท้ายันตัวเดิน ท่านเคยเล่าไว้ตอนหนึ่งว่า “เรานักต่อสู้ลูกพระพุทธเจ้า ถ้ามันยังไม่ตายยังหายใจอยู่ แม้ขาเดินไม่ได้เอาไม้เท่าเดินก็ต้องยอมตายกับความดีงามนะพวกเธอ” ครั้นได้พบหลวงปู่มั่นและหลวงปู่สิงห์ และหลวงปู่ทั้งสองได้รับตัวท่านไว้เป็นศิษย์ ให้การอบรมสั่งสอนแล้ว ท่านจึงกราบลาไปจำพรรษาที่จังหวัดสุรินทร์

ออกเดินธุดงค์เพื่อมุ่งปฏิบัติภาวนา

หลวงปู่สาม เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านไม่ค่อยยอมอยู่กับที่ จะอยู่ก็เพียงเข้าพรรษา หรือขออุบายธรรมจากครูบาอาจารย์ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น ท่านก็จะเดินธุดงค์ต่อไปตั้งแต่เหนือจดใต้จากภาคกลางจดภาคตะวันออก ภาคอีสานทั้งหมด ท่านเป็นพระนักธุดงค์กรรมฐานที่มีความมานะอดทนเป็นพิเศษ

ท่านถือคติที่ว่า “ท่านเป็นศิษย์ของพระตถาคต แม้ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด” หลวงปู่สิงห์ได้ชี้แนะให้ท่านไปธุดงค์ฝึกจิตกัมมัฏฐาน เทศนาสั่งสอนญาติโยม ร่วมกับพระอาจารย์ลี ธัมมธโร ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อถึงช่วงออกพรรษา หลวงปู่สาม จะเสาะหาสถานที่วิเวกตามป่าเขา เพื่อประกอบความเพียร เมื่อเดินทางกลับทุกครั้ง หลวงปู่สามจะไปพบหลวงปู่ดูลย์ ที่วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ เพื่อช่วยบูรณะสร้างอุโบสถ และได้ไปธุดงค์ในภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ระยอง เป็นต้น ตั้งแต่สมัยเป็นพระภิกษุหนุ่มจนเข้าสู่วัยชรา ท่านได้ต่อสู้ชีวิตทุ่มเทกับการปฏิบัติมาอย่างโชกโชน ท่านเพ่งเพียรภาวนาอยู่เป็นนิจ ครั้นมาปรารภกับตนเองว่า “บัดนี้กำลังกายของเราก็อ่อนแอลงไปมากแล้ว น่าจะกลับมาอยู่ถิ่นเดิม คือในจังหวัดสุรินทร์ นอกจากนี้แล้วก็ยังจะได้อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่ดูลย์ อีกทั้งมารดาของท่านก็ได้ชราภาพมากแล้ว เป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำธรรมะที่ท่านได้รับมาทั้งหมดเผยแผ่แก่บรรดาสาธุชน ต่อไปอีกด้วย” หลวงปู่สาม จึงได้เดินทางกลับจังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่บัดนั้น

ท่านเคยเล่าเหตุการณ์ของพระธุดงค์สมัยก่อนนั้นว่า “สมัยโน้นพระธุดงค์ก็ลำบาก ชาวบ้านก็ลำบาก เพราะไม่เจริญอย่างปัจจุบันนี้นะ แต่มีความเพียรแรงกล้า มุ่งอรรถมุ่งธรรมกันจริงๆ มาสมัยนี้หละหลวมไม่เอาดีเลย สอนแล้วก็ลืม…ลืมปฏิบัติกัน !” ต่อมา พระอาจารย์ลี ธัมมธโร แจ้งให้ทราบว่า หลวงปู่มั่นจำพรรษาที่จังหวัดสกลนคร จึงพากันเดินทางไปขอคำปรึกษาข้อปฏิบัติธรรมที่ติดขัด หลวงปู่มั่นแนะให้ไปฝึกกับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่วัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เมื่อทราบว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ถึงแก่มรณภาพลงที่จังหวัดสกลนคร หลวงปู่เทสก์, หลวงปู่ดูลย์, หลวงปู่แหวน, หลวงปู่ฝั้น, หลวงปู่สาม, พระอาจารย์ลี, พระอาจารย์อ่อน, พระอาจารย์วัน และพระอาจารย์จวน ไปร่วมจัดงานบุญให้หลวงปู่มั่น

ปฏิปทา

“ปฏิปทาของหลวงปู่สาม อกิญฺจโน นั้น สาธุชนที่เคยเดินทางไปกราบนมัสการคงจะตระหนักดีว่า มีความคล้ายคลึงกับหลวงปู่ดูลย์ อตุโล มากทีเดียว ท่านมากไปด้วยขันติ โสรัจจะ อดทน สงบเงียบ เยือกเย็น ชีวิตเพศแห่งสมณะหลวงปู่ไม่เคยว่างเว้นในการเดินธุดงค์ไปตามป่าเขาและใน จังหวัดต่างๆ จิตของท่านเต็มไปด้วยเมตตา ไม่เคยขัดศรัทธาคณะศรัทธาญาติโยมใครๆ เลย”

มรณภาพ

หลวงปู่สาม อกิญฺจโน ท่านเป็นพระนักปฏิบัติที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย บ่อยครั้งเกิดอาการอาพาธ ต้องเข้า-ออกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 หลวงปู่สามได้มรณภาพลงอย่างสงบ สิริอายุรวม 91 พรรษา 71 ท่ามกลางความเศร้าสลดของคณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นยิ่งนัก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ความคิดเห็น

เนื้อหาที่ได้รับความนิยมในรอบ 1 เดือน :

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดถ้ำภูกำพร้า (วัดภูกำพร้า) จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดภูกำพร้า อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิด ไม่ทราบ มรณภาพ พ.ศ.2548 อายุ ไม่ทราบ (ว่ากันว่า 200 กว่าปี) พรรษา ไม่ทราบ สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้วจนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200 กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548

ประวัติ หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา

หลวงปู่ทอง อายะนะ (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 117 ปี ท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ส่วนลูกศิษย์ฆราวาสที่เคราพเลื่อมใสท่านมากก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ด้านวัตถุมงคลของท่านมีทั้งพระเครื่องเนื้อพิมพ์สมเด็จ ลูกอม ชานหมาก เสื้อยันต์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ เหรียญรุ่นแรก ประวัติหลวงปู่ทอง อายะนะ หลวงปู่ทอง อายานะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดบางเงินพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดบางเงินพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น...

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ (หลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ) หรือ หลวงพ่อหลาบ วัดบางเป้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางเป้ง และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา ท่านเป็นเกจิดังของตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดบางเป้งจนมีความรุ่งเรือง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ใครมาขอความช่วยเหลือจากท่านท่านก็ช่วยเหลือมิไม่ได้ขาด ท่านเป็นพระเกจิที่ชาวบางแสนให้ความเคารพอย่างมาก และท่านยังให้ความสำคัญของการศึกษาท่านได้สร้างโรงเรียนวัดบางเป้ง (กุหลาบราษฎร์อำนวยวิทย์) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นต้น ประวัติและสถานะเดิม พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ ท่านมีนามเดิมว่า " กุหลาบ " นามสกุล " อุ่นจิตร หรือ อุ่นจิตต์ (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบไหนครับ) " เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2431 บิดาชื่อ นายช้อน มารดาชื่อ นางเจียก อุ่นจิตร ท่านเกิด ณ หมู่ที่ 1 บ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (บริเวณสถานีดับเพลิง ต.แสนสุข) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน หลวงพ่อกุหลาบเป็นบุตรคนสุดท้อง ดังนี้ พระอธิการอั...

ประวัติ หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก วัดห้วยใหญ่

พระครูภัทรกิจวิบูล (ก้าน ภทฺทโก) พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก) หรือ อาจารย์ก้าน หรือ หลวงพ่อก้าน วัดห้วยใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เกจิดังของตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สังขารท่านไม่เน่าเปลื่อยอยู่ในโรงแก้วจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อก้านท่านพัฒนาวัดห้วยใหญ่จนรุ่นเรือง และช่วยสร้างอื่นๆ เช่นวัดนาจอมเทียน , วัดทุ่งระหาร และวัดชากแง้ว ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนนาจอมเทียนไปถึงถนนบ้านบึงเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ท่านเป็นพระนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระนักพัฒนาที่น่ายกยอง ประวัติ หลวงพ่อก้าน มีเดิมว่า " ก้าน " นามสกุล " เจริญคลัง " ท่านเป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดที่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 13 ค่ำ ปีมะแม โยมบิดาชื่อ เส็ง เกิดที่เมืองจีน โยมแม่ชื่อ นิด นามสกุล เจริญคลัง ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเยาว์นั้นท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบไปใส่บาตรพระกับผู้ใหญ่เสมอๆ บรรพชา เมื่ออายุได้ 14 ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จั...

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ หรือ พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต วัดเวฬุวัน

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ (พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต) วัดเวฬุวัน ตำบลพยุห์ อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาติภูมิและอุปสมบท ณ บ้านหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในวันศุกร์ที่  ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ ในครอบครัวของพ่อลี แม่ตุ่น สว่างกุล ได้ก่อกำเนิดลูกชายคนที่ ๘ จากจำนวนทั้งหมด ๙ คน เด็กคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าลูกคนอื่นๆ พ่อจึงได้ตั้งชื่อว่า "จ่อย" ซึ่งเป็นภาษาอีสานหมายถึงผอมแห้ง เด็กชายจ่อยได้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวด้วยการช่วยทำงานทุกอย่างเหมือนดั่งเด็กโต ในยามว่างสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กชายจ่อยคือ ชอบไปนั่งคุยกับพระที่วัดถามถึงเรื่องบาปบุญว่ามีจริงไหม บาปอยู่ที่ไหน บุญอยู่ที่ใด เป็นคำถามที่พระในวัดมักจะถูกถามอยู่เสมอๆ ซึ่งพระในวัดท่านก็ตอบว่า "ถ้าอยากรู้ว่าบาปบุญมีจริงไหม ก็ลองมาบวชดูแล้วจะรู้" คำตอบที่พระท่านตอบมาทำให้ในวันนั้นเด็กชายจ่อยฝังใจในการหาคำตอบ พอเริ่มโตเป็นวัยรุ่น จึงได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ว่า "บัดนี้ครอบครัวก็เป็นปึกแผ่นแล้ว อยากจะออกบวชเรียน เพื่อศึกษาหาคำตอบที่สงสัยมานาน" เมื่อพ่อแม่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้บวชเป็นสามเณ...

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี หลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร  พระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งแห่ง จันทบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกระทิงท่านเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์ มีวิชาอาคมอันแก่กล้า  โดยเฉพาะ ท่านสามารถใช้เวทมนตร์ สะกดพวกสัตว์ป่า ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน ในตอนที่ เขาคิชฌกูฎ ได้เปิดให้ผู้คนขึ้นมาสักการะพระพุทธรูป ไหว้พระ และมากราบนมัสการท่าน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ณ บ้านกะทิง ต.พลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ (ขณะนั้นเป็นอำเภอมะขาม) จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายอยู่ และ นางมุ้ง ทองคำ ในครอบครัวของท่านประกอบอาชีพพวกเกษตรกรรม และการหาของป่าสมุนไพร ดังนั้น ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาพืชสมุนไพรและของป่าบนเขาคิชฌกูฏ จนมีความชำนาญ ในช่วงวัยเรียน ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดกะทิง ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนกระทั่งพอท่านมีอายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูนิเทศคณานุสิฏฐ์ วัดหนองอ้อ ต.มะขาม อ.มะขาม ...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ชาลี ถิรธัมโม วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

ประวัติและปฏิปทา พระครูจิตตภาวนาญาณ (หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม) วัดป่าภูก้อน ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี “พระครูจิตตภาวนาญาณ” หรือ “หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม” มีนามเดิมว่า ชาลี นามสกุล บุตรน้อย เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๘ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนแปด ปีระกา ณ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โยมบิดาชื่อ นายคำ บุตรน้อย โยมมารดาชื่อ นางกัน บุตรน้อย มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ อายุ ๑๙ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศิริราษฎร์วัฒนา บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โดยมี พระครูอดุลสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศิริราษฎร์วัฒนา จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอาจารย์คำมี สุวัณณสิริ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาที่วัดศิริราษฎร์วัฒนา จ.สกลนคร ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ไปจังหวัดเลย ได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ต่อไปทางภาคเหนือ, จังหวัดหนองคาย, จังหวัดอุดรธานี แล...

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน หลวงปู่เขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดหรงบน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้นก็สามารถบอกถึงกำหนดวันมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากสังขารท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไหม้ได้อีกด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมสูงมาก เช่น เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อลอยองค์ ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว ลูกอม ตะกรุด และพระปิตตา ฯลฯ ประวัติ หลวงปู่เขียว อินทมุนี ท่านเกิดเมื่อปี พุทธศักราช 2424 ในแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อยังเยาว์วัย พ่อท่านเขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งการศึกษาวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของชาติไทยสมัยก่อน จนเมื่อมีอายุได้ 22 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจสละเพศฆราวาส อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2446 ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ. 2446 พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็อยู่รับใช้ป...

พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี (หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง)

พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี หรือ หลวงพ่อแช่ม ท่านเกิดที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาท่านเกิดในพุทธศักราช 2370 (ปีกุน) ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดไชยธารารามหรือวัดฉลอง และเป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างมากของชาวจังหวัดภูเก็ต ท่านได้มรณภาพ เมื่อ พ.ศ. 2451 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ประวัติพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี หรือ หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อจากพ่อท่านเฒ่า ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระครูวิสุทธิวงศาจาริย์ญาณมุนี" ตำแหน่งสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต ไม่ปรากฏนามโยมบิดามารดา โดยโยมบิดามารดาได้ให้ท่านอยู่ ณ วัดฉลอง โดยเป็นศิษย์ของท่านพ่อเฒ่าเมื่อครั้งเยาว์วัยจนได้บวชสามเณร และได้บรรพชาเป็นพระภิกษุจำพรรษาที่วัดฉลอง (ในปี พ.ศ. 2420 ได้รับพระราชนามเป็น วัดไชยธาราราม) ตำบลฉลอง อำเภอเมือง (เดิม ทุ่งคา) จังหวัดภูเก็ต หลวงพ่อแช่มชำนาญด้านสายวิปัสนาธุระได้รับการศึกษาด้านนี้จากพ่อท่านเฒ่าจนมีความเชี่ยวชาญ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว จังหวัดพิษณุโลก

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก หลวงปู่ทองคำ สุวโจ เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2472 เป็นบุตร นายนวล กันสีชา และ นาง บุญ กันสีชา มีพี่น้องร่วมท้อง 4 คนโดยหลวงปู่เป็นบุตรคนโต เมื่ออายุ ได้ 14 ปี หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร วัดบ้านบ้านคำครั่ง อ.กระนวน จ. ขอนแก่น หลังจาที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้วสนใจในการศึกษาเล่าเรียน จึงได้ออกเดินทางไปยังสำนักของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และได้ศึกษาตำรามูลกระจายสูตร และพระคาถาต่างๆ จากพระอาจารย์ฝั้น เป็นเวลาถึง 9 ปี จากนั้นหลวงปู่จึงได้ลาสิกขา ถึงแม้จะเป็นฆราวาส หลวงปู่ทองคำก็ยังมิขาดที่จะศึกษาพระเวทย์ โดยข้ามฝั่งเดินทางไปศึกษาไปยังประเทศลาว ที่วัดพระบาทโพนสัน จาก พระครูขี้หอม หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ข้ามกลับมาฝั่งไทย และอุปสมบทที่วัดราชพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระครูพิสัยสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ทองคำ ได้เดินทางออกธุดงค์เรื่อยมาตลอด และได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร และอยู่ปรนนิบัติและศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงปู่ทองมา ถาว...