ประวัติ หลวงปู่บุญมี วัดอุดมผลหนองไผ่ (กาฬสินธุ์)
"พระครูสุนทรวิริยคุณ" (บุญมี สุธมฺโม) วัดอุดมผลหนองไผ่ จ.กาฬสินธุ์ หลวงปู่ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ปี พ.ศ.๒๔๖๖ นามเดิมท่านชื่อ (บุญมี เสียสี) ณ หมู่บ้านดอนขี ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โยมบิดาท่านชื่อ นายที โยมมารดาท่านชื่อ นางจวน สกุล "เสียสี" ครอบครัวท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๕ คน
หลวงปู่ในวัยเยาว์ ท่านได้เข้าเรียนโรงเรียน ประชาบาลที่โรงเรียนยางคำวิทยา ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จนสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่๔ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ หลังเรียนจบ ท่านต้องช่วยครอบครัวทำไรทำนาตามแบบวิถีชีวิตของชาวอีสานทั่วๆไป ด้วยอุปนิสัยค่อนข้างที่จะเป็นเสือนักเลง จึงมักพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม เป็นคนตรงๆ เป็นที่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคนในยุคสมัยนั้นในนามเสือนักเลง ด้วยมูลเหตุเป็นเสือนักเลงจึงทำให้ท่านต้องแสวงศึกษาวิชาอาคมตั่งแต่ยังเล็ก
ครั้นเมื่อถึง วันที่ ๓๐ มีนาคม ปี พ.ศ.๒๔๘๖ เมื่อท่านอายุครบบวช ท่านจึึงตัดสินใจ หันหลังจากทางโลก มุ่งสู่ทางธรรมตามแนวพระตถาคต ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่ (วัดสวนพร้าวดงบัง) โดยมี "พระครูญาณกิจวิชัย"(หลวงปู่สน) วัดสวนพร้าวดงบัง เป็นพระอุปัชฌาย์ (พระอธิการญาครูจูม อินทโชโต) วัดสว่างหัวนาคำ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ (พระอธิการญาครูมาก ธัมจักโก) วัดสระบัวโพนสิม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "สุธัมโม"
หลังการอุปสมบทแล้ว ท่านได้ศึกษากัมมัฏฐาน ข้อวัตรปฏิบัติกับพระอุปัชฌาย์ของท่าน อยู่ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นท่านได้เดินทางไปร่ำเรียนสรรพวิชาคาถาอาคมต่างๆกับหลายครูบาอาจารย์ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส อาทิ (พ่อธรรมใหญ่จันทบาล) แห่งบ้านนาดี ต.อีตื้อ (ปัจจุบัน ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์) หมอธรรมผู้เฒ่าอันมีความขมังเวทในสมัยนั้น ผู้เป็นบรมครูสายวิชาธรรมเก้าโกฏิ รวมถึงไปขอร่ำเรียนวิชาอาคมจาก (หลวงปู่ศรีธรรมศาสน์) วัดใต้โกสุม แห่งเมืองมหาสารคาม จากนั้นก็เดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์อีกหลายท่านไปจนถึงภูลังกา ภูเขาควาย ในประเทศลาวจนได้สืบทอดสัพวิทยาสายหลวงปู่สมเด็จลุน แห่งเมืองจำปาสัก จากลูกศิษย์ท่านที่ได้เรียนมาจากเมืองอุบลราชธานี ทำให้ท่านเชี่ยวชาญอักขระเลขยันต์ตัวอักษรธรรมลาว ตัวอักษรธรรมขอมเป็นอย่างดี รวมไปถึงท่านก็พอจะชำนาญสรรพวิชาอาคมและอักขระเลขยันต์มาแต่ครั้งเก่าก่อน ก่อนท่านจะออกบวชมาพอสมควรอยู่แล้ว
ครั้นเมื่อท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านดอนขี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๐ จนได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส ในสมัยที่ท่านเป็นสมภารวัดบ้านดอนขีนั้น ท่านก็ได้สำเร็จในวิชามนต์ตัน จนปืนแตก (เป็นมนต์ที่ลงของ เสกของ อักขระเลขยันต์เป็นมหาอุดนักเลง) ในขณะนั้นท่านบวชได้ ๕ พรรษา พ.ศ.๒๔๙๑ หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านดอนขีนั้น ทางหมู่บ้านหนองไผ่ ได้มาขอนิมนต์ท่านไปดำรงณ์ตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดอุดมผลหนองไผ่ หลังจากสมภารเดิมได้ลาสิกขาไป ท่านจึงรับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสแทน
ลำดับ สมณศักดิ์ที่ได้รับ
พ.ศ.๒๕๑๑ ได้รับพระราชทานสมศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรีในพระราชทินนามที่ พระครูสุนทรวิริยคุณ
พ.ศ.๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโทในพระราชทินนามเดิม
พ.ศ.๒๕๔๒ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอกในพระราชทินนามเดิม
ลำดับ งานปกครองคณะสงฆ์
พ.ศ.๒๔๙๐ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านดอนขี ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
พ.ศ.-ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอุดมผลหนองไผ่ ต.อิตื้อ (ปัจจุบัน ต.โนนสูง) อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
พ.ศ.๒๕๐๔ เป็นเจ้าคณะตำบลอิตื้อเขต ๑ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
พ.ศ.๒๕๐๙ เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.๒๕๑๐ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตประจำอำเภอยางตลาด
พ.ศ.๒๕๑๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม
พ.ศ.๒๕๓๕ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจข้อสอบนักธรรมสนามหลวง
พ.ศ.๒๕๓๖ เป็นกรรมการควบคุมสอบนักธรรมสนามหลวงประจำอำเภอยางตลาด
ปี พ.ศ.๒๕๓๘ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๐ กุมภาพันธ์ ท่านได้ร่วมเดินทางไปกิจการพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดียนำโดย (ท่านเจ้าคุณพระกิตติญาณโสภณ) หัวหน้าคณะ มีพระภิษุ ๑๘ รูป คฤหัสถ์๒๐ คนเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานทั้ง ๔แห่งพร้อมสถานที่สำคัญๆหลายหัวเมือง ได้ร่วมกับชาวพุทธประเทศต่างๆทั่วโลกนมัสการเวียนเทียนในวันมาฆบูชา ณสถานที่ตรัสรู้พุทธคยาได้ประกอบพิธีอยู่ ๒ คืน
ปี พ.ศ.๒๕๓๙ ระหว่างวันที่๒๓-๒๗ มิถุนายน เดินทางไปทัศนศึกษาดูงานกิจกรรม ด้านพระพุทธศาสนาสายมหายานและสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์ ณ มหานครปักกิ่ง ประเทศสาธารณประชาชนจีน หัวหน้าคณะนำโดย "พระกิตติญาณโสภณ" (บัวผัน ปคุณธมฺโม) รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น วัดศรีนวล จังหวัดขอนแก่น (ท่านให้ความนับถือกันมาก)
- ร่วมทัศนศึกษาดูงานด้านพระพุทศาสนาที่มหาเจดีย์บูโรพุทธโธ ณประเทศอินโดนีเซีย
งานด้านสาธารณูปการ
พ.ศ. ๒๕๐๗ ทำประตูโขงสร้างกำแพงรอมรอบวัดแทนรั้วเสาไม้แก่น
พ.ศ.๒๕๑๒ หลวงปู่ปื๋อ ท่านเป็นผู้ขอไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน ทำให้หมู่บ้านหนองไผ่ได้มีไฟฟ้าเป็นครั้งแรกและก่อนทุกหมู่บ้านแถบอำเภอยางตลาด
พ.ศ.๒๕๒๓ บูรณะพระอุโบสถเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมบูรณะจนแล้วเสร็จ สร้างศาลาการเปรียญแบบก่อปูนแทนหลังเดิมเป็นหลังไม้ที่ทรุดโทรมขึ้นใหม่ด้วยความสามัคคีของชุมชนร่วมกับพระเณรที่จำพรรษาในวัดหลายสิบรูป รวมทั้งสร้างกุฏิเพิ่มอีก๒หลัง ห้องน้ำห้องสวมรองรับพระเณรที่มาศึกษาในสำนักเรียนบารีตั้งขึ้นตั่งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๓ สมัย (พระอธิการชู ธิตธัมโม)
พ.ศ.๒๕๓๘ ได้สร้างเมรุและหอระฆัง
ด้านงานสงเคราะห์ ได้มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆเป็นประจำทุกปี รวมถึงมอบทุนการศึกษาให้แด่พระเณรในวัด เพื่อศึกษาพระปริยัติโดยตลอด หลวงปู่ได้ร่วมมือกับคณะสงฆ์และทางราชการออกไปอบรมประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆในเขตการปกครอง
ด้วยความที่หลวงปู่เป็นทั้งพระนักพัฒนาและเป็นพระเถระที่เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง แห่งเมืองน้ำดำ ชื่อเสียงของท่านจึงได้แพร่สะพัดไปในหลายจังหวัดมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งนายทหารนายตำรวจนักการเมืองทีมีความใกล้ชิดเหมือนญาติหลวงปู่ คือ (ครูขุนทอง ภูผิวเดือน) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทย ที่คอยช่วยจัดการธุระให้หลวงปู่อยู่เสมอ รวมถึง (ส.ส.วิยา ภูมิเหล่าแจ้ง) ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดที่คอยอุปฐากกิจธุระในยุคหลังๆ
หลวงปู่ ท่านโด่งดังชำนาญเรื่องวิทยาคมมากคือ ธรรมเก้าโกฎิ ที่เรียนมาจาก (พ่อธรรมใหญ่จันทบาล) แห่งบ้านนาดี หมอธรรมผู้เฒ่าอันมีความขมังเวชที่ทรงวิทยาคมในยุคนั้น วิชาที่ขับไล่ผี ปอบเป้าโพรง ผีเข้า กันบ้านกันเมือง แก้คุณผีคุณคน ต่อกระดูก รดน้ำมนต์ดูเลิกยาม (ลูกศิษย์ที่สืบทอดต่อจากท่านมี พ่อธรรมเอก บ้านสร้างมิ่ง พระครูสิริประภัทรสร วัดสวนพร้าวดงบัง พระครูประสุตธรรมสุนทร วัดดอนยานาง ญาครูเคน วัดบ้านดอนขี เป็นต้น) สมัยที่ท่านรับนิมนต์ไปช่วยชาวบ้านต่างจังหวัด ผู้ที่เคยติดตามท่านคือ ท่าน (พ.ต.อ.เรืองยศ ภูพานเพชร) อดีตผู้กำกับการสถาณีตำรวจภูธรท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์
โยมอุปฐากที่ใกล้ชิด ได้เล่าประสบการณ์สมัยก่อนเป็นสามเณรที่มีโอกาสติดตามองค์หลวงปู่ ไปทำพิธีขับไหล่ผี ในสมัยนั้นเส้นทางสัญจรไปมายังไม่สะดวกไม่ค่อยมีรถลามากนัก ต้องอาศัยเดินเท้าเข้าหมู่บ้านเป็นหลักต้องผ่านป่าโคก พอเดินจะถึงหมู่บ้านข้างทางมีต้นไม้ชุมเกิดสิ่งประหลาดมีต้นไม้สันไหวอย่างแรงเหมือนโดนลมพายุพัดต้นไม้สั่นนั้นไม่หยุด เหมือนกับมีอะไรกระโดดไปมาสั่นต้นนั้นต้นนี้ หลวงปู่คงรู้ว่าเป็นอะไรเลยนำเอาดาบคายธรรม ท่านขึ้นมาแล้วเปาคาถาแกว่งดาบแค่นั้น ต้นไม้เหมือนโดนพายุกระหน่ำได้หยุดเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
อีกเหตุการณ์หนึ่งมีคนถูกผีเข้า หลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปขับไล่คนที่ถูกผีเข้าพอได้ยินแค่ชื่อหลวงปู่ก็กลัวจนตัวสั่น ร้องเสียงดังเหมือนคนสะติแตกจวนจะขาดใจ (ผีที่สิงในร่างคนผู้นั้นเอ่ยปากออกมาว่า บักได๋มากูบ่ย้านดอก กูย้านแต่เฒ่าอันนี้ละ) คนที่มาหาหลวงปู่ส่วนมากผีเข้าป่วยไม่มีสาเหตุรักษาที่ไหนก็ไม่หายพอมาหาหลวงปู่ท่านแก้รักษาก็หายดี และเด็กที่นอนร้องไม่หยุดนอนผวาพามาให้หลวงปู่เป่าศีรษะผูกแขนก็หยุดร้องทันทีเป็นที่น่าอัศจรรย์ รวมทั้งด้านคงกระพันชาตรีแล้วนั้นหลวงปู่ปื๋อสำเร็จมนต์ ตันปืนแตก ตั้งแต่สมัยท่านพรรษาที่ ๕ ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านดอนขี เมื่อพ.ศ.๒๔๙๑
ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายรุ่น ก็จะเป็นตระกรุดแผ่นทองและตระกรุดหลอดยาสีฟัน ตระกรุดประหลอดห้อยคอ กบตายคารู (คนอีสานจะเรียกกบตายคาไง หรือ กบจำศีล) นี้เป็นที่สุดยอดสร้างน้อยไม่เกิน๑๐๐องค์ เป็นที่สรรหากันมาก เหรียญภาพล็อกเกด ฝ้ายผูกแขน แหวนกันภัย ภาพถ่าย ผ้ายันต์ ชาญหมาก วัตถุมงคลทั้งหลายนั้น หลวงปู่ทำแจกด้วยเจตนาการจัดสร้างที่บริสุทธิ์ วัตถุของท่านจึงสุดยอดเข้มขลังคงมีด คงปืน คงศาสตราอาวุธ เขี้ยวงา ของแหลม ของมีคม เหนียวขนาดแมลงวันไม่ได้กินเลือด และมีพุทธคุณรอบด้าน
ตระกรุดในยุคต้นเป็นเชือกถักลงรักลงแผ่นทอง และหลอดยาสีฟัน (นำหลอดยาสีฟันที่พระเณรในวัดใช้หมดแล้วนำมาตัดขัดเป็นแผ่นโลหะให้สวยงามแทนแผ่นทองที่ไม่ต้องได้ซื้อ) แต่ยุคหลังเป็นแผ่นทองมีสายยางหุ้มถักแทนเชือกบางเส้นจะมีกบตายคารูห้อยด้วยถักด้วยทองแดงหุ้มครั่ง (มีน้อย ส่วนมากจะได้เฉพาะคนใกล้ชิดท่าน) เป็นที่หายาก
เหรียญและล็อกเก็ตรุ่นแรก ท่านสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ สำหรับเหรียญรุ่นนี้ ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกอยู่ ๗ วัน ๗ คืน ที่พระอุโบสถ วัดอุดมผลหนองไผ่ โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังนั่งปรกหลายรูป อาทิ (หลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต) จ.ขอนแก่น (หลวงปู่ทิพย์ วัดบ้านดอนขี) และอีกหลายๆรูปภายหลัง
เสร็จพิธีพุทธาภิเษก ได้มีการนำออกแจกจ่ายให้กับ คณะศิษย์ยานุศิษย์ รวมทั้งแจกให้กับพุทธศาสนิกชนที่นำกฐินและผ้าป่ามาทอดถวายที่วัด สมทบทุนสร้างสาธารณูปโภคสาธารณูปการในวัด รวมทั้งแจกในงานฉลองเลื่อนสมณศักดิ์เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ เป็นเหรียญเสมาเนื้อทองฝาบาท กระไหล่เงิน มีหูห่วง จำนวนการสร้างประมาณ ๑,๕๐๐ เหรียญ ส่วนล็อกเก็ตจำนวนสร้างไม่แน่ชัดเนื้อกรอบเป็นดีบุกในพื้นที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก
เหรียญรุ่น ๒ เป็นเหรียญนั่งพานสร้างปี พ.ศ.๒๕๓๖ ครบอายุ ๗๐ปี รุ่นนี้เป็นเหรียญที่หลวงปู่ปลุกเสกเดี่ยวตลอดพรรษา และผ่านงานพุทธาภิเษกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อหลวงปู่รับนิมนต์ไปนั่งปกจะเอาเหรียญรุ่นนี้ติดย่ามท่านนำเข้าพิธิด้วยเสมอนั่งปกร่วมกับคณาจารย์เกจิดั่งหลายท่าน อาทิ (หลวงปู่วรพรต วัดจุมพล) จ.ขอนแก่น (หลวงปู่คำพันธุ์ โฆสปัญโญ) จ.นคพนม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) วัดบ้านไร่ จ.นคราชสีมา (หลวงปู่สิงห์ คัมภีโร) จ.มหาสารคาม(เป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่) เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญประสบการณ์อีกเหรียญหนึ่งเพราะ มีลูกศิษย์ที่ได้ไปใช้คล้องคอไปทำงานที่ลาดกระบังเกิดมีเรื่องกับเจ้าถิ่นถูกยิงเข้าที่ หน้าท้องปรากฏว่ายิงไม่เข้าแค่มีรอยแดงเท่านั้นทำให้ไม่เป็นอะไร นับเป็นเหรียญนิยมกันในหมู่นายทหารตำรวจ จึงเป็นเหรียญที่หากันมากในปัจจุบัน
เหรียญรุ่น ๓ เหรียญที่ระลึกในงานฉลองพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ปี พ.ศ.๒๕๔๒ โดย (พันตำรวจเอกเรืองยศ ภูพานเพชร) เป็นผู้สร้างถวาย สร้างประมาณ ๒๐,๐๐๐ เหรียญ หลวงปู่นั่งปกเดียวที่กุฏิไว้เพื่อแจกให้กับลูกศิษย์ที่มาร่วมในงาน บางครั้งหลวงปู่ได้รับนิมต์ไปนั่งปกก็จะนำติดตัวเข้าพิธีไปด้วยเหมือนกับเหรียญ รุ่นที่๒
พระครูสุนทรวิริยคุณ (บุญมี สุธมฺโม) ท่านเริ่มมีอาการอาพาธด้วยโรคเบาหวานและปอดอักเสพ จนทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด และมรณภาพลง ณ โรงพยาบาลขอนแก่น เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ เวลา ๑๑.๔๐ น. นำความโศกเศร้าอาลัยแก่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายนับเป็นการศูนย์เสียคณาจารย์เถระชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นพระนักพัฒนาที่ทรงวิทยาคมแห่งเมืองน้ำดำไปอีกรูป
พระครูสุนทรวิริยคุณ (บุญมี สุธมฺโม) ท่านถึงแก่มรณภาพลงเมื่อ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๔ สิริอายุได้ ๗๘ ปี ๕๘ พรรษา
เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
https://www.facebook.com/prakejidansiam/
ที่มา : คณะศิษย์ หลวงปู่บุญมี สุธมฺโม
#ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
#พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
#เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น