ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พระครูสุนทรวิริยคุณ หรือ หลวงปู่บุญมี สุธมฺโม วัดอุดมผลหนองไผ่ จังหวัดกาฬสินธุ์

ประวัติ หลวงปู่บุญมี วัดอุดมผลหนองไผ่ (กาฬสินธุ์)
      "พระครูสุนทรวิริยคุณ" (บุญมี สุธมฺโม) วัดอุดมผลหนองไผ่ จ.กาฬสินธุ์ หลวงปู่ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ปี พ.ศ.๒๔๖๖ นามเดิมท่านชื่อ (บุญมี เสียสี) ณ หมู่บ้านดอนขี ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โยมบิดาท่านชื่อ นายที โยมมารดาท่านชื่อ นางจวน สกุล "เสียสี" ครอบครัวท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๕ คน 

      หลวงปู่ในวัยเยาว์ ท่านได้เข้าเรียนโรงเรียน ประชาบาลที่โรงเรียนยางคำวิทยา ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จนสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่๔ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ หลังเรียนจบ ท่านต้องช่วยครอบครัวทำไรทำนาตามแบบวิถีชีวิตของชาวอีสานทั่วๆไป ด้วยอุปนิสัยค่อนข้างที่จะเป็นเสือนักเลง จึงมักพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม เป็นคนตรงๆ เป็นที่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคนในยุคสมัยนั้นในนามเสือนักเลง ด้วยมูลเหตุเป็นเสือนักเลงจึงทำให้ท่านต้องแสวงศึกษาวิชาอาคมตั่งแต่ยังเล็ก

      ครั้นเมื่อถึง วันที่ ๓๐ มีนาคม ปี พ.ศ.๒๔๘๖ เมื่อท่านอายุครบบวช ท่านจึึงตัดสินใจ หันหลังจากทางโลก มุ่งสู่ทางธรรมตามแนวพระตถาคต ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่ (วัดสวนพร้าวดงบัง) โดยมี "พระครูญาณกิจวิชัย"(หลวงปู่สน) วัดสวนพร้าวดงบัง เป็นพระอุปัชฌาย์ (พระอธิการญาครูจูม อินทโชโต) วัดสว่างหัวนาคำ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ (พระอธิการญาครูมาก ธัมจักโก) วัดสระบัวโพนสิม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "สุธัมโม" 

      หลังการอุปสมบทแล้ว ท่านได้ศึกษากัมมัฏฐาน ข้อวัตรปฏิบัติกับพระอุปัชฌาย์ของท่าน อยู่ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นท่านได้เดินทางไปร่ำเรียนสรรพวิชาคาถาอาคมต่างๆกับหลายครูบาอาจารย์ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส อาทิ (พ่อธรรมใหญ่จันทบาล) แห่งบ้านนาดี ต.อีตื้อ (ปัจจุบัน ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์) หมอธรรมผู้เฒ่าอันมีความขมังเวทในสมัยนั้น ผู้เป็นบรมครูสายวิชาธรรมเก้าโกฏิ รวมถึงไปขอร่ำเรียนวิชาอาคมจาก (หลวงปู่ศรีธรรมศาสน์) วัดใต้โกสุม แห่งเมืองมหาสารคาม จากนั้นก็เดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์อีกหลายท่านไปจนถึงภูลังกา ภูเขาควาย ในประเทศลาวจนได้สืบทอดสัพวิทยาสายหลวงปู่สมเด็จลุน แห่งเมืองจำปาสัก จากลูกศิษย์ท่านที่ได้เรียนมาจากเมืองอุบลราชธานี ทำให้ท่านเชี่ยวชาญอักขระเลขยันต์ตัวอักษรธรรมลาว ตัวอักษรธรรมขอมเป็นอย่างดี รวมไปถึงท่านก็พอจะชำนาญสรรพวิชาอาคมและอักขระเลขยันต์มาแต่ครั้งเก่าก่อน ก่อนท่านจะออกบวชมาพอสมควรอยู่แล้ว

      ครั้นเมื่อท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านดอนขี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๐ จนได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส ในสมัยที่ท่านเป็นสมภารวัดบ้านดอนขีนั้น ท่านก็ได้สำเร็จในวิชามนต์ตัน จนปืนแตก (เป็นมนต์ที่ลงของ เสกของ อักขระเลขยันต์เป็นมหาอุดนักเลง) ในขณะนั้นท่านบวชได้ ๕ พรรษา พ.ศ.๒๔๙๑ หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านดอนขีนั้น ทางหมู่บ้านหนองไผ่ ได้มาขอนิมนต์ท่านไปดำรงณ์ตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดอุดมผลหนองไผ่ หลังจากสมภารเดิมได้ลาสิกขาไป ท่านจึงรับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสแทน

ลำดับ สมณศักดิ์ที่ได้รับ
   พ.ศ.๒๕๑๑ ได้รับพระราชทานสมศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรีในพระราชทินนามที่ พระครูสุนทรวิริยคุณ
   พ.ศ.๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโทในพระราชทินนามเดิม
   พ.ศ.๒๕๔๒ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอกในพระราชทินนามเดิม

ลำดับ งานปกครองคณะสงฆ์
   พ.ศ.๒๔๙๐ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านดอนขี ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
พ.ศ.-ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอุดมผลหนองไผ่ ต.อิตื้อ (ปัจจุบัน ต.โนนสูง) อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
   พ.ศ.๒๕๐๔ เป็นเจ้าคณะตำบลอิตื้อเขต ๑ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
   พ.ศ.๒๕๐๙ เป็นพระอุปัชฌาย์
   พ.ศ.๒๕๑๐ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตประจำอำเภอยางตลาด
   พ.ศ.๒๕๑๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม
   พ.ศ.๒๕๓๕ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจข้อสอบนักธรรมสนามหลวง
   พ.ศ.๒๕๓๖ เป็นกรรมการควบคุมสอบนักธรรมสนามหลวงประจำอำเภอยางตลาด

      ปี พ.ศ.๒๕๓๘ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๐ กุมภาพันธ์ ท่านได้ร่วมเดินทางไปกิจการพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดียนำโดย (ท่านเจ้าคุณพระกิตติญาณโสภณ) หัวหน้าคณะ มีพระภิษุ ๑๘ รูป คฤหัสถ์๒๐ คนเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานทั้ง ๔แห่งพร้อมสถานที่สำคัญๆหลายหัวเมือง ได้ร่วมกับชาวพุทธประเทศต่างๆทั่วโลกนมัสการเวียนเทียนในวันมาฆบูชา ณสถานที่ตรัสรู้พุทธคยาได้ประกอบพิธีอยู่ ๒ คืน

     ปี พ.ศ.๒๕๓๙ ระหว่างวันที่๒๓-๒๗ มิถุนายน เดินทางไปทัศนศึกษาดูงานกิจกรรม ด้านพระพุทธศาสนาสายมหายานและสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์ ณ มหานครปักกิ่ง ประเทศสาธารณประชาชนจีน หัวหน้าคณะนำโดย "พระกิตติญาณโสภณ" (บัวผัน ปคุณธมฺโม) รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น วัดศรีนวล จังหวัดขอนแก่น (ท่านให้ความนับถือกันมาก)
- ร่วมทัศนศึกษาดูงานด้านพระพุทศาสนาที่มหาเจดีย์บูโรพุทธโธ ณประเทศอินโดนีเซีย
  
งานด้านสาธารณูปการ
    พ.ศ. ๒๕๐๗ ทำประตูโขงสร้างกำแพงรอมรอบวัดแทนรั้วเสาไม้แก่น
    พ.ศ.๒๕๑๒ หลวงปู่ปื๋อ ท่านเป็นผู้ขอไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน ทำให้หมู่บ้านหนองไผ่ได้มีไฟฟ้าเป็นครั้งแรกและก่อนทุกหมู่บ้านแถบอำเภอยางตลาด
    พ.ศ.๒๕๒๓ บูรณะพระอุโบสถเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมบูรณะจนแล้วเสร็จ สร้างศาลาการเปรียญแบบก่อปูนแทนหลังเดิมเป็นหลังไม้ที่ทรุดโทรมขึ้นใหม่ด้วยความสามัคคีของชุมชนร่วมกับพระเณรที่จำพรรษาในวัดหลายสิบรูป รวมทั้งสร้างกุฏิเพิ่มอีก๒หลัง ห้องน้ำห้องสวมรองรับพระเณรที่มาศึกษาในสำนักเรียนบารีตั้งขึ้นตั่งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๓ สมัย (พระอธิการชู ธิตธัมโม)
พ.ศ.๒๕๓๘ ได้สร้างเมรุและหอระฆัง

       ด้านงานสงเคราะห์ ได้มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆเป็นประจำทุกปี รวมถึงมอบทุนการศึกษาให้แด่พระเณรในวัด เพื่อศึกษาพระปริยัติโดยตลอด หลวงปู่ได้ร่วมมือกับคณะสงฆ์และทางราชการออกไปอบรมประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆในเขตการปกครอง

        ด้วยความที่หลวงปู่เป็นทั้งพระนักพัฒนาและเป็นพระเถระที่เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง แห่งเมืองน้ำดำ ชื่อเสียงของท่านจึงได้แพร่สะพัดไปในหลายจังหวัดมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งนายทหารนายตำรวจนักการเมืองทีมีความใกล้ชิดเหมือนญาติหลวงปู่ คือ (ครูขุนทอง ภูผิวเดือน) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทย ที่คอยช่วยจัดการธุระให้หลวงปู่อยู่เสมอ รวมถึง (ส.ส.วิยา ภูมิเหล่าแจ้ง) ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดที่คอยอุปฐากกิจธุระในยุคหลังๆ

       หลวงปู่ ท่านโด่งดังชำนาญเรื่องวิทยาคมมากคือ ธรรมเก้าโกฎิ ที่เรียนมาจาก (พ่อธรรมใหญ่จันทบาล) แห่งบ้านนาดี หมอธรรมผู้เฒ่าอันมีความขมังเวชที่ทรงวิทยาคมในยุคนั้น วิชาที่ขับไล่ผี ปอบเป้าโพรง ผีเข้า กันบ้านกันเมือง แก้คุณผีคุณคน ต่อกระดูก รดน้ำมนต์ดูเลิกยาม (ลูกศิษย์ที่สืบทอดต่อจากท่านมี พ่อธรรมเอก บ้านสร้างมิ่ง พระครูสิริประภัทรสร วัดสวนพร้าวดงบัง พระครูประสุตธรรมสุนทร วัดดอนยานาง ญาครูเคน วัดบ้านดอนขี เป็นต้น) สมัยที่ท่านรับนิมนต์ไปช่วยชาวบ้านต่างจังหวัด ผู้ที่เคยติดตามท่านคือ ท่าน (พ.ต.อ.เรืองยศ ภูพานเพชร) อดีตผู้กำกับการสถาณีตำรวจภูธรท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ 

      โยมอุปฐากที่ใกล้ชิด ได้เล่าประสบการณ์สมัยก่อนเป็นสามเณรที่มีโอกาสติดตามองค์หลวงปู่ ไปทำพิธีขับไหล่ผี ในสมัยนั้นเส้นทางสัญจรไปมายังไม่สะดวกไม่ค่อยมีรถลามากนัก ต้องอาศัยเดินเท้าเข้าหมู่บ้านเป็นหลักต้องผ่านป่าโคก พอเดินจะถึงหมู่บ้านข้างทางมีต้นไม้ชุมเกิดสิ่งประหลาดมีต้นไม้สันไหวอย่างแรงเหมือนโดนลมพายุพัดต้นไม้สั่นนั้นไม่หยุด เหมือนกับมีอะไรกระโดดไปมาสั่นต้นนั้นต้นนี้ หลวงปู่คงรู้ว่าเป็นอะไรเลยนำเอาดาบคายธรรม ท่านขึ้นมาแล้วเปาคาถาแกว่งดาบแค่นั้น ต้นไม้เหมือนโดนพายุกระหน่ำได้หยุดเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น 

      อีกเหตุการณ์หนึ่งมีคนถูกผีเข้า หลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปขับไล่คนที่ถูกผีเข้าพอได้ยินแค่ชื่อหลวงปู่ก็กลัวจนตัวสั่น ร้องเสียงดังเหมือนคนสะติแตกจวนจะขาดใจ (ผีที่สิงในร่างคนผู้นั้นเอ่ยปากออกมาว่า บักได๋มากูบ่ย้านดอก กูย้านแต่เฒ่าอันนี้ละ) คนที่มาหาหลวงปู่ส่วนมากผีเข้าป่วยไม่มีสาเหตุรักษาที่ไหนก็ไม่หายพอมาหาหลวงปู่ท่านแก้รักษาก็หายดี และเด็กที่นอนร้องไม่หยุดนอนผวาพามาให้หลวงปู่เป่าศีรษะผูกแขนก็หยุดร้องทันทีเป็นที่น่าอัศจรรย์ รวมทั้งด้านคงกระพันชาตรีแล้วนั้นหลวงปู่ปื๋อสำเร็จมนต์ ตันปืนแตก ตั้งแต่สมัยท่านพรรษาที่ ๕ ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านดอนขี เมื่อพ.ศ.๒๔๙๑

      ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายรุ่น ก็จะเป็นตระกรุดแผ่นทองและตระกรุดหลอดยาสีฟัน ตระกรุดประหลอดห้อยคอ กบตายคารู (คนอีสานจะเรียกกบตายคาไง หรือ กบจำศีล) นี้เป็นที่สุดยอดสร้างน้อยไม่เกิน๑๐๐องค์ เป็นที่สรรหากันมาก เหรียญภาพล็อกเกด ฝ้ายผูกแขน แหวนกันภัย ภาพถ่าย ผ้ายันต์ ชาญหมาก วัตถุมงคลทั้งหลายนั้น หลวงปู่ทำแจกด้วยเจตนาการจัดสร้างที่บริสุทธิ์ วัตถุของท่านจึงสุดยอดเข้มขลังคงมีด คงปืน คงศาสตราอาวุธ เขี้ยวงา ของแหลม ของมีคม เหนียวขนาดแมลงวันไม่ได้กินเลือด และมีพุทธคุณรอบด้าน

       ตระกรุดในยุคต้นเป็นเชือกถักลงรักลงแผ่นทอง และหลอดยาสีฟัน (นำหลอดยาสีฟันที่พระเณรในวัดใช้หมดแล้วนำมาตัดขัดเป็นแผ่นโลหะให้สวยงามแทนแผ่นทองที่ไม่ต้องได้ซื้อ) แต่ยุคหลังเป็นแผ่นทองมีสายยางหุ้มถักแทนเชือกบางเส้นจะมีกบตายคารูห้อยด้วยถักด้วยทองแดงหุ้มครั่ง (มีน้อย ส่วนมากจะได้เฉพาะคนใกล้ชิดท่าน) เป็นที่หายาก

        เหรียญและล็อกเก็ตรุ่นแรก ท่านสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ สำหรับเหรียญรุ่นนี้ ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกอยู่ ๗ วัน ๗ คืน ที่พระอุโบสถ วัดอุดมผลหนองไผ่ โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังนั่งปรกหลายรูป อาทิ (หลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต) จ.ขอนแก่น (หลวงปู่ทิพย์ วัดบ้านดอนขี) และอีกหลายๆรูปภายหลัง
เสร็จพิธีพุทธาภิเษก ได้มีการนำออกแจกจ่ายให้กับ คณะศิษย์ยานุศิษย์ รวมทั้งแจกให้กับพุทธศาสนิกชนที่นำกฐินและผ้าป่ามาทอดถวายที่วัด สมทบทุนสร้างสาธารณูปโภคสาธารณูปการในวัด รวมทั้งแจกในงานฉลองเลื่อนสมณศักดิ์เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ เป็นเหรียญเสมาเนื้อทองฝาบาท กระไหล่เงิน มีหูห่วง จำนวนการสร้างประมาณ ๑,๕๐๐ เหรียญ ส่วนล็อกเก็ตจำนวนสร้างไม่แน่ชัดเนื้อกรอบเป็นดีบุกในพื้นที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก
   
      เหรียญรุ่น ๒ เป็นเหรียญนั่งพานสร้างปี พ.ศ.๒๕๓๖ ครบอายุ ๗๐ปี รุ่นนี้เป็นเหรียญที่หลวงปู่ปลุกเสกเดี่ยวตลอดพรรษา และผ่านงานพุทธาภิเษกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อหลวงปู่รับนิมนต์ไปนั่งปกจะเอาเหรียญรุ่นนี้ติดย่ามท่านนำเข้าพิธิด้วยเสมอนั่งปกร่วมกับคณาจารย์เกจิดั่งหลายท่าน อาทิ (หลวงปู่วรพรต วัดจุมพล) จ.ขอนแก่น (หลวงปู่คำพันธุ์ โฆสปัญโญ) จ.นคพนม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) วัดบ้านไร่ จ.นคราชสีมา (หลวงปู่สิงห์ คัมภีโร) จ.มหาสารคาม(เป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่) เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญประสบการณ์อีกเหรียญหนึ่งเพราะ มีลูกศิษย์ที่ได้ไปใช้คล้องคอไปทำงานที่ลาดกระบังเกิดมีเรื่องกับเจ้าถิ่นถูกยิงเข้าที่ หน้าท้องปรากฏว่ายิงไม่เข้าแค่มีรอยแดงเท่านั้นทำให้ไม่เป็นอะไร นับเป็นเหรียญนิยมกันในหมู่นายทหารตำรวจ จึงเป็นเหรียญที่หากันมากในปัจจุบัน

     เหรียญรุ่น ๓ เหรียญที่ระลึกในงานฉลองพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ปี พ.ศ.๒๕๔๒ โดย (พันตำรวจเอกเรืองยศ ภูพานเพชร) เป็นผู้สร้างถวาย สร้างประมาณ ๒๐,๐๐๐ เหรียญ หลวงปู่นั่งปกเดียวที่กุฏิไว้เพื่อแจกให้กับลูกศิษย์ที่มาร่วมในงาน บางครั้งหลวงปู่ได้รับนิมต์ไปนั่งปกก็จะนำติดตัวเข้าพิธีไปด้วยเหมือนกับเหรียญ รุ่นที่๒

       พระครูสุนทรวิริยคุณ (บุญมี สุธมฺโม) ท่านเริ่มมีอาการอาพาธด้วยโรคเบาหวานและปอดอักเสพ จนทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด และมรณภาพลง ณ โรงพยาบาลขอนแก่น เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ เวลา ๑๑.๔๐ น. นำความโศกเศร้าอาลัยแก่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายนับเป็นการศูนย์เสียคณาจารย์เถระชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นพระนักพัฒนาที่ทรงวิทยาคมแห่งเมืองน้ำดำไปอีกรูป

       พระครูสุนทรวิริยคุณ (บุญมี สุธมฺโม) ท่านถึงแก่มรณภาพลงเมื่อ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๔ สิริอายุได้ ๗๘ ปี ๕๘ พรรษา

เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
https://www.facebook.com/prakejidansiam/

ที่มา : คณะศิษย์ หลวงปู่บุญมี สุธมฺโม

#ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

#พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
#เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ

ความคิดเห็น

เนื้อหาที่ได้รับความนิยมในรอบ 1 เดือน :

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดถ้ำภูกำพร้า (วัดภูกำพร้า) จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดภูกำพร้า อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิด ไม่ทราบ มรณภาพ พ.ศ.2548 อายุ ไม่ทราบ (ว่ากันว่า 200 กว่าปี) พรรษา ไม่ทราบ สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้วจนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200 กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548

ประวัติ หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา

หลวงปู่ทอง อายะนะ (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 117 ปี ท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ส่วนลูกศิษย์ฆราวาสที่เคราพเลื่อมใสท่านมากก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ด้านวัตถุมงคลของท่านมีทั้งพระเครื่องเนื้อพิมพ์สมเด็จ ลูกอม ชานหมาก เสื้อยันต์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ เหรียญรุ่นแรก ประวัติหลวงปู่ทอง อายะนะ หลวงปู่ทอง อายานะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดบางเงินพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดบางเงินพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น...

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ (หลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ) หรือ หลวงพ่อหลาบ วัดบางเป้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางเป้ง และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา ท่านเป็นเกจิดังของตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดบางเป้งจนมีความรุ่งเรือง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ใครมาขอความช่วยเหลือจากท่านท่านก็ช่วยเหลือมิไม่ได้ขาด ท่านเป็นพระเกจิที่ชาวบางแสนให้ความเคารพอย่างมาก และท่านยังให้ความสำคัญของการศึกษาท่านได้สร้างโรงเรียนวัดบางเป้ง (กุหลาบราษฎร์อำนวยวิทย์) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นต้น ประวัติและสถานะเดิม พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ ท่านมีนามเดิมว่า " กุหลาบ " นามสกุล " อุ่นจิตร หรือ อุ่นจิตต์ (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบไหนครับ) " เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2431 บิดาชื่อ นายช้อน มารดาชื่อ นางเจียก อุ่นจิตร ท่านเกิด ณ หมู่ที่ 1 บ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (บริเวณสถานีดับเพลิง ต.แสนสุข) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน หลวงพ่อกุหลาบเป็นบุตรคนสุดท้อง ดังนี้ พระอธิการอั...

ประวัติ หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก วัดห้วยใหญ่

พระครูภัทรกิจวิบูล (ก้าน ภทฺทโก) พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก) หรือ อาจารย์ก้าน หรือ หลวงพ่อก้าน วัดห้วยใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เกจิดังของตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สังขารท่านไม่เน่าเปลื่อยอยู่ในโรงแก้วจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อก้านท่านพัฒนาวัดห้วยใหญ่จนรุ่นเรือง และช่วยสร้างอื่นๆ เช่นวัดนาจอมเทียน , วัดทุ่งระหาร และวัดชากแง้ว ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนนาจอมเทียนไปถึงถนนบ้านบึงเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ท่านเป็นพระนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระนักพัฒนาที่น่ายกยอง ประวัติ หลวงพ่อก้าน มีเดิมว่า " ก้าน " นามสกุล " เจริญคลัง " ท่านเป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดที่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 13 ค่ำ ปีมะแม โยมบิดาชื่อ เส็ง เกิดที่เมืองจีน โยมแม่ชื่อ นิด นามสกุล เจริญคลัง ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเยาว์นั้นท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบไปใส่บาตรพระกับผู้ใหญ่เสมอๆ บรรพชา เมื่ออายุได้ 14 ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จั...

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ หรือ พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต วัดเวฬุวัน

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ (พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต) วัดเวฬุวัน ตำบลพยุห์ อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาติภูมิและอุปสมบท ณ บ้านหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในวันศุกร์ที่  ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ ในครอบครัวของพ่อลี แม่ตุ่น สว่างกุล ได้ก่อกำเนิดลูกชายคนที่ ๘ จากจำนวนทั้งหมด ๙ คน เด็กคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าลูกคนอื่นๆ พ่อจึงได้ตั้งชื่อว่า "จ่อย" ซึ่งเป็นภาษาอีสานหมายถึงผอมแห้ง เด็กชายจ่อยได้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวด้วยการช่วยทำงานทุกอย่างเหมือนดั่งเด็กโต ในยามว่างสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กชายจ่อยคือ ชอบไปนั่งคุยกับพระที่วัดถามถึงเรื่องบาปบุญว่ามีจริงไหม บาปอยู่ที่ไหน บุญอยู่ที่ใด เป็นคำถามที่พระในวัดมักจะถูกถามอยู่เสมอๆ ซึ่งพระในวัดท่านก็ตอบว่า "ถ้าอยากรู้ว่าบาปบุญมีจริงไหม ก็ลองมาบวชดูแล้วจะรู้" คำตอบที่พระท่านตอบมาทำให้ในวันนั้นเด็กชายจ่อยฝังใจในการหาคำตอบ พอเริ่มโตเป็นวัยรุ่น จึงได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ว่า "บัดนี้ครอบครัวก็เป็นปึกแผ่นแล้ว อยากจะออกบวชเรียน เพื่อศึกษาหาคำตอบที่สงสัยมานาน" เมื่อพ่อแม่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้บวชเป็นสามเณ...

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี หลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร  พระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งแห่ง จันทบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกระทิงท่านเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์ มีวิชาอาคมอันแก่กล้า  โดยเฉพาะ ท่านสามารถใช้เวทมนตร์ สะกดพวกสัตว์ป่า ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน ในตอนที่ เขาคิชฌกูฎ ได้เปิดให้ผู้คนขึ้นมาสักการะพระพุทธรูป ไหว้พระ และมากราบนมัสการท่าน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ณ บ้านกะทิง ต.พลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ (ขณะนั้นเป็นอำเภอมะขาม) จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายอยู่ และ นางมุ้ง ทองคำ ในครอบครัวของท่านประกอบอาชีพพวกเกษตรกรรม และการหาของป่าสมุนไพร ดังนั้น ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาพืชสมุนไพรและของป่าบนเขาคิชฌกูฏ จนมีความชำนาญ ในช่วงวัยเรียน ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดกะทิง ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนกระทั่งพอท่านมีอายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูนิเทศคณานุสิฏฐ์ วัดหนองอ้อ ต.มะขาม อ.มะขาม ...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ชาลี ถิรธัมโม วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

ประวัติและปฏิปทา พระครูจิตตภาวนาญาณ (หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม) วัดป่าภูก้อน ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี “พระครูจิตตภาวนาญาณ” หรือ “หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม” มีนามเดิมว่า ชาลี นามสกุล บุตรน้อย เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๘ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนแปด ปีระกา ณ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โยมบิดาชื่อ นายคำ บุตรน้อย โยมมารดาชื่อ นางกัน บุตรน้อย มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ อายุ ๑๙ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศิริราษฎร์วัฒนา บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โดยมี พระครูอดุลสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศิริราษฎร์วัฒนา จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอาจารย์คำมี สุวัณณสิริ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาที่วัดศิริราษฎร์วัฒนา จ.สกลนคร ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ไปจังหวัดเลย ได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ต่อไปทางภาคเหนือ, จังหวัดหนองคาย, จังหวัดอุดรธานี แล...

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน หลวงปู่เขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดหรงบน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้นก็สามารถบอกถึงกำหนดวันมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากสังขารท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไหม้ได้อีกด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมสูงมาก เช่น เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อลอยองค์ ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว ลูกอม ตะกรุด และพระปิตตา ฯลฯ ประวัติ หลวงปู่เขียว อินทมุนี ท่านเกิดเมื่อปี พุทธศักราช 2424 ในแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อยังเยาว์วัย พ่อท่านเขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งการศึกษาวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของชาติไทยสมัยก่อน จนเมื่อมีอายุได้ 22 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจสละเพศฆราวาส อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2446 ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ. 2446 พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็อยู่รับใช้ป...

พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี (หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง)

พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี หรือ หลวงพ่อแช่ม ท่านเกิดที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาท่านเกิดในพุทธศักราช 2370 (ปีกุน) ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดไชยธารารามหรือวัดฉลอง และเป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างมากของชาวจังหวัดภูเก็ต ท่านได้มรณภาพ เมื่อ พ.ศ. 2451 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ประวัติพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี หรือ หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อจากพ่อท่านเฒ่า ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระครูวิสุทธิวงศาจาริย์ญาณมุนี" ตำแหน่งสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต ไม่ปรากฏนามโยมบิดามารดา โดยโยมบิดามารดาได้ให้ท่านอยู่ ณ วัดฉลอง โดยเป็นศิษย์ของท่านพ่อเฒ่าเมื่อครั้งเยาว์วัยจนได้บวชสามเณร และได้บรรพชาเป็นพระภิกษุจำพรรษาที่วัดฉลอง (ในปี พ.ศ. 2420 ได้รับพระราชนามเป็น วัดไชยธาราราม) ตำบลฉลอง อำเภอเมือง (เดิม ทุ่งคา) จังหวัดภูเก็ต หลวงพ่อแช่มชำนาญด้านสายวิปัสนาธุระได้รับการศึกษาด้านนี้จากพ่อท่านเฒ่าจนมีความเชี่ยวชาญ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว จังหวัดพิษณุโลก

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก หลวงปู่ทองคำ สุวโจ เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2472 เป็นบุตร นายนวล กันสีชา และ นาง บุญ กันสีชา มีพี่น้องร่วมท้อง 4 คนโดยหลวงปู่เป็นบุตรคนโต เมื่ออายุ ได้ 14 ปี หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร วัดบ้านบ้านคำครั่ง อ.กระนวน จ. ขอนแก่น หลังจาที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้วสนใจในการศึกษาเล่าเรียน จึงได้ออกเดินทางไปยังสำนักของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และได้ศึกษาตำรามูลกระจายสูตร และพระคาถาต่างๆ จากพระอาจารย์ฝั้น เป็นเวลาถึง 9 ปี จากนั้นหลวงปู่จึงได้ลาสิกขา ถึงแม้จะเป็นฆราวาส หลวงปู่ทองคำก็ยังมิขาดที่จะศึกษาพระเวทย์ โดยข้ามฝั่งเดินทางไปศึกษาไปยังประเทศลาว ที่วัดพระบาทโพนสัน จาก พระครูขี้หอม หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ข้ามกลับมาฝั่งไทย และอุปสมบทที่วัดราชพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระครูพิสัยสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ทองคำ ได้เดินทางออกธุดงค์เรื่อยมาตลอด และได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร และอยู่ปรนนิบัติและศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงปู่ทองมา ถาว...