ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประวัติ หลวงพ่อบรรณ พุทธสโร วัดด่าน จังหวัดระนอง

ประวัติ หลวงพ่อบรรณ วัดด่าน (ระนอง)
       "พระครูศีลพงษ์คณารักษ์" (หลวงพ่อบรรณ พุทธสโร) ท่านถือกำเนิดเมื่อประมาณราวปี พ.ศ.๒๓๘๔ หลวงพ่อบรรณท่านได้อุปสมบทในช่วงปี พ.ศ.๒๔๑๘ เดิมเป็นชาวเมืองไชยา (ปัจจุบันคือ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี) เมื่อบวชได้ประมาณ ๑๐ พรรษา ท่านได้ออกจาริกธุดงค์จากเมืองไชยา ผ่านเมืองหลังสวน (ปัจจุบันคือ อ.หลังสวน จ.ชุมพร) เข้าสู่เมืองระนอง โดยได้ปักกลดอยู่ในป่าช้าของหมู่บ้านท่าด่าน ชาวบ้านในสมัยนั้นได้นำของไปถวายและสนทนาธรรม คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้นเห็นว่าหลวงพ่อบรรณเป็นพระเก่งกล้า มีความรู้เรื่องเวทมนตร์และอาคมดี จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา แล้วจึงได้นิมนต์ให้อยู่สร้างวัดด่าน ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นป่าช้าและสำนักสงฆ์ จนแล้วเสร็จและได้ขึ้นทะเบียนกับกรมการศาสนา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๐ จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดด่าน และเป็นเจ้าคณะจังหวัดรูปแรกของจังหวัดระนองด้วย

       "วัดอุปนันทาราม" หรือ (วัดด่าน) เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งในระนองที่มีอายุการก่อสร้างวัดตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๓๖ ปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ ถือได้ว่าเป็นวัดแรกๆของเมืองระนองในสมัยนั้นโดยมีนายบ่าเซ่ง เศรษฐีไทยเชื่อสายพม่าได้ชักชวนพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ชาวจีน และชาวพม่า ร่วมกันก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ เพราะในสมัยนั้นการทำบุญซักครั้งหนึ่งทำได้ยากยิ่ง เพราะว่าเมืองระนองมีเพียงวัดสุวรรณคีรีอารามหรือวัดหน้าเมือง (ภายหลังได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จประภาสหัวเมืองมลายูว่า วัดสุวรรณคีรีวิหาร) จึงได้เริ่มหาสถานที่สร้างวัด โดยกำหนดเอาเนินสูงที่สุดในบริเวณนั้นเป็นที่สร้าง เพราะสภาพที่ตั้งของวัดที่ตรงกลางเป็นเนินเขาเล็กๆล้อมรอบด้วยพื้นที่ราบที่เป็นสวนธรรมชาติล้อมรอบด้วยย่านชุมชน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการประมง เหมืองแร่ และค้าขาย

      "วัดอุปนันทาราม" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันอย่างง่ายๆอีกชื่อหนึ่งคือ "วัดด่าน" เพราะตั้งบริเวณบ้านท่าด่านเป็นพื้นที่ที่อยู่สุดเขตแดนติดต่อกับประเทศสหภาพพม่า ซึ่งในอดีตมีลักษณะเป็นท่าด่านปากคลองสำหรับเรือสัญจรที่จะเข้าสู่เมืองระนอง ทั้งเรือโดยสาร เรือขุดแร่ หรือเรือประมง เพราะในสมัยนั้นการสัญจรทางน้ำถือว่าสะดวกที่สุด การสร้างวัดในระยะแรกนั้นได้สร้างเป็นเรือนไม้ทรงปั้นหยาตามแบบศิลปะของภาคใต้ และได้อาราธนานิมนต์ "หลวงพ่อบรรณ พุทฺธสโร" (ภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูศีลพงษ์คณารักษ์ เจ้าอาวาสรูปแรก) ซึ่งเป็นพระธุดงค์มาจากจังหวัดไชยา (อำเภอไชยา สุราษฎร์ธานี)ให้ช่วยอยู่จำพรรษา ด้วยความเมตตาหลวงพ่อจึงรับนิมนต์และอยู่จนได้ก่อร่างสร้างวัดบูรณะพัฒนาวัดมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ ได้รับคัดเลือกให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ และ พ.ศ.๒๕๑๙ ได้ผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๐ 

        ความสำคัญ เป็นวัดในจังหวัดระนองที่ถวายผงธูปบูชาพระพุทธรูปคานสมอ สมัยเจ้าอ้ายยี่เพื่อเป็นมวลสารแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสร้างพระพุทธนวราชบพิตรและพระสมเด็จจิตรลดา เป็นที่พำนักของเจ้าคณะจังหวัดระนอง ๔ รูป คือ "พระครูศีลพงษ์คณารักษ์" (บรรณ พุทฺธสโร) จ.ระนอง รูปแรก "พระครูศีลพงษ์คณารักษ์" (ผุด สุทธางกูร) จ.ระนอง รูปที่ ๒ "พระระณังควินัยมุนีวงศ์" (พลอย ธมฺมโชโต) จ.ระนอง รูปที่ ๓ และ "พระระณังควินัยมุนี" (บุญให้ สีลวฑฺฒโน) จ.ระนองรูปที่ ๔
เป็นที่บรรพชาของ "สามเณรปั่น เสน่ห์เจริญ" ภายหลังเป็น "พระพรหมมังคลาจารย์" (หลวงพ่อปัญญานันทะ) ท่านมักปรารภเสมอเมื่อมาระนองว่า "ที่นี่เป็นที่เกิดของฉัน ถ้าไม่มีวัดนี้ป่านนี้ชีวิตฉันไม่รู้จะเป็นอย่างไร"

       ลำดับเจ้าอาวาส
"พระครูศีลพงษ์คณารักษ์" (บรรณ พุทฺธสโ ร) (พ.ศ.๒๔๓๖ - พ.ศ.๒๔๖๓) เจ้าอาวาสรูปแรก, เจ้าคณะจังหวัดระนองรูปแรก
"พระครูศีลพงษ์คณารักษ์" (ผุด สุทธางกูร) (พ.ศ.๒๔๖๓ - พ.ศ.๒๔๗๒) เจ้าคณะจังหวัดระนองรูปที่ ๒ ภายหลังได้ลาสิกขากลับไปรับราชการเป็นศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต
"พระระณังควินัยมุนีวงศ์" (พลอย ธมฺมโชโต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) (พ.ศ.๒๔๗๒-พ.ศ.๒๕๑๗) เจ้าคณะจังหวัดระนองรูปที่ ๓ พระราชาคณะรูปแรกของระนอง และเป็นพระราชาคณะชั้นราชรูปแรกของระนองด้วย (ในราชทินนามเดิม) หลวงพ่อเจ้าคุณเป็นผู้ชักชวนนายปั่น เสน่ห์เจริญมาช่วยสอนหนังสือ และเป็นอุปัชฌาย์จารย์ของสามเณรปั่น เสน่ห์เจริญ (พระพรหมมังคลาจารย์ ปัญญานันทะภิกขุ)
"พระระณังควินัยมุนี" (เรวัต บุญให้) สีลวฑฺฒโน อรุณวิมล) (พ.ศ.๒๕๑๗-พ.ศ.๒๕๓๕) เจ้าคณะจังหวัดระนองรูปที่ ๔
"พระครูอุปนันทโสภณ" (โสภณ โสภโณ ชุ่มชื่น) (พ.ศ.๒๕๓๖ - ปัจจุบัน) เจ้าคณะอำเภอเมืองระนอง

       สำหรับความอภินิหารและวาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อบรรณมีอยู่หลายครั้ง เช่น เคยมีคนเข้าไปขโมยมะพร้าวในสวนของวัดตอนกลางคืน ทำให้คนขโมยออกจากสวนมะพร้าวไม่ได้เดินวนเวียนหาบมะพร้าวจนรุ่งสาง หลวงพ่อบรรณไปพบเข้าท่านจึงพูดขึ้นเป็นสำเนียงภาษาใต้ว่า "มึงวางต้า" หมายถึงให้วางลง คนที่ขโมยมะพร้าวเมื่อได้ยินก็วางหาบมะพร้าวลงแล้วเดินออกจากสวนมะพร้าวของวัดไปได้

      อีกเรื่อง คือเกิดไฟไหม้ชุมชนตลาดเก่า เมื่อหลวงพ่อบรรณทราบข่าวว่าไฟไหม้บ้านของชาวบ้าน จึงรีบเดินทางไปที่เพลิงกำลังลุกไหม้อยู่ เมื่อไปถึงหลวงพ่อบรรณได้กำทรายขึ้นมาเสกแล้วเป่า พร้อมด้วยการหว่านทราย ทำให้ไฟที่กำลังไหม้ดับมอดลงทันตาเห็น ไม่ลุกลามไปบ้านหลังอื่น

      หลวงพ่อบรรณ ถือเป็นพระเถระคู่เมืองของชาวระนองมายาวนาน วัดด่านได้สร้างรูปเหมือนไว้ในศาลาหลวงพ่อบรรณ ซึ่งมีผู้คนไปกราบไหว้บูชา บนบานขอสิ่งต่างๆ ทุกวันมิได้ขาดสาย เช่น คนที่มีบุตรยากไปอธิษฐานก็จะสมหวัง บางคนอธิษฐานขอเรื่องการเรียน การสอบเข้าทำงาน ให้หายเจ็บไข้ไม่สบาย หรือการเดินทางให้แคล้วคลาด หรือแม้กระทั่งของหาย เมื่ออธิษฐานก็ยังได้กลับคืน 

       นอกจากนี้ มีเรื่องเล่าขานเมื่อประมาณ ๑๐ ปีก่อน มีไต้ก๋งเรือประมงคนหนึ่งห้อยเหรียญหลวงพ่อบรรณติดตัว ถูกคลื่นซัดจนเรือล่ม ต้องลอยคออยู่ในทะเลอันดามัน มีปลาฉลามว่ายน้ำจะเข้ามางับ จึงได้บนบานถึงหลวงพ่อบรรณ ปรากฏว่าปลาฉลามได้แต่ว่ายน้ำวนเวียนโดยรอบไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ ในที่สุดมีเรือประมงเข้ามาพบช่วยเหลือไว้ได้จนปลอดภัย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวเรือประมงจำนวนมากเลื่อมใสศรัทธาเช่าเหรียญหลวงพ่อบรรณรุ่นต่างๆ ไปบูชาจำนวนมาก และเมื่อได้ในสิ่งที่ขอแล้ว จะต้องแก้บนด้วยหมากพลูตำ บุหรี่มวนใหญ่ ยาเส้นใบตอง ข้าว แกงเผ็ดเนื้อ น้ำพริกกะปิเผา เป็นต้น พร้อมคำบูชา "พุทธัง อาราธนานัง ธัมมัง อาราธนานัง สังฆัง อาราธนานัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ มังรักขะ ตุมหาลาภา วันตุเม" 

      นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือที่ตั้งของวัดด่านซึ่งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ซึ่งใต้แผ่นดินบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งแร่ดีบุกจำนวนมาก ถึงขนาดที่ผู้สัมปทานเหมืองแร่ในสมัยนั้นเสนอให้หลวงพ่อบรรณย้ายวัด แล้วจะสร้างวัดให้ใหม่ แต่หลวงพ่อบรรณไม่ยอมย้าย เรือขุดแร่พยายามขุดหาแร่เข้าไปบริเวณวัดแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เมื่อเรือขุดแร่เข้าใกล้เขตวัด เครื่องยนต์จะดับโดยไม่ทราบสาเหตุทุกครั้ง จนในที่สุดก็ต้องถอยกลับไปเอง ทำให้วัดด่านอยู่ที่เดิมคู่เมืองระนองมาจนตราบถึงทุกวันนี้

        (หลวงพ่อบรรณ พุทธสโร) หรือ “พระครูศีลพงษ์คณารักษ์” เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดอุปนันทาราม หรือวัดด่าน อ.เมือง จ.ระนอง และเป็นเจ้าคณะจังหวัดระนองรูปแรก เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีชีวิตร่วมสมัยเดียวกับ (หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง) จ.ภูเก็ต

      ปี พ.ศ.๒๔๖๓ หลวงพ่อบรรณ มีอายุ ๗๙ ปี ทั้งนี้ ก่อนมรณภาพมีผู้เล่าว่าขณะที่หลวงพ่อบรรณได้นั่งบนหลังช้างเพื่อพาพระใบฎีกาพลอย ธัมมโชโต (ซึ่งต่อมาได้เป็นเจ้าคณะจังหวัดระนองรูปที่ ๓) ไปเทศนาให้กับญาติโยมที่ วัดหาดส้มแป้น ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง แต่ในระหว่างเดินทางหลวงพ่อบรรณได้เกิดเป็นลม แล้วมรณภาพบนหลังช้างอย่างสงบ 

       วัตถุมงคล โดยส่วนมาก ลูกศิษย์ท่านสร้าง มีทั้งพระบูชา รูปหล่อ และเหรียญ เป็นที่นิยมและแสวงหามาตั้งแต่อดีตเรื่อยมา ค่านิยมยิ่งสูงขึ้นตามกาลเวลา ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง คือ เหรียญหลวงพ่อบรรณรุ่นแรก สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ จัดสร้างจำนวนหลัก ๑๐๐เหรียญ ราคาสูงถึง ๕ หลัก ลักษณะเป็นเหรียญกลมรูปไข่ มีหูห่วง ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อบรรณครึ่งองค์ ใต้รูปเหมือน เขียนคำว่า “หลวงพ่อบรรณ วัดด่านระนอง” มีขอบข้าง ด้านหลังเหรียญ ไม่มีขอบ เขียนยันต์ ระบุปี พ.ศ. ตัวเลขไทย “๒๔๙๗” ปัจจุบันเป็นที่เสาะหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง

       "พระครูศีลพงษ์คณารักษ์" (หลวงพ่อบรรณ พุทธสโร) ท่านถึงแก่มรณะภาพลงเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๓ สิริอายุได้ ๗๙ ปี ๔๕ พรรษา

เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
https://www.facebook.com/prakejidansiam/

#ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

#พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
#เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ

ความคิดเห็น

เนื้อหาที่ได้รับความนิยมในรอบ 1 เดือน :

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดถ้ำภูกำพร้า (วัดภูกำพร้า) จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดภูกำพร้า อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิด ไม่ทราบ มรณภาพ พ.ศ.2548 อายุ ไม่ทราบ (ว่ากันว่า 200 กว่าปี) พรรษา ไม่ทราบ สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้วจนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200 กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญฺโญ วัดดวงแข กรุงเทพมหานคร

ประวัติและปฏิปทา พระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญฺโญ) พระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญญเถร บุญมาก) วัดดวงแข กรุงเทพมหานคร หลวงปู่วิเวียร เกิดวันที่ 9 พฤศจิกายน 2464 บรรพชาเป็นสามเณร วันที่ 9 กรกฎาคม 2482 อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ พ.ศ. 2484 เป็นพระที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมถะและวิปัสสนาอย่างมาก ท่านเป็นพระอาจารย์สอนกัมมัฏฐานต่อผู้ใคร่ศึกษา อาจารย์ของท่านประกอบด้วย พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน (ลูกศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ (ศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท,หลวงปู่เฮง คงฺคสุวณฺโณ วัดเขาดิน จังหวัดนครสวรรค์ และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์) วัตถุมงคลที่ท่านอธิฏฐานจิตมีพุทธานุภาพและกฤดาภินิหารอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์และผู้นิยมพระเครื่อง หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญญเถร (บุญมาก) ละสังขาร เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2537 เวลา 4 ทุ่มตรง รวมสิริอายุได้ 73 ปี พรรษา 53 การเข้าสู่เส้นทางวิปัสสนากัมมัฎฐานและพระเวทย์วิทยาคม พระวิมลธรรมภาณ ...

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ (หลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ) หรือ หลวงพ่อหลาบ วัดบางเป้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางเป้ง และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา ท่านเป็นเกจิดังของตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดบางเป้งจนมีความรุ่งเรือง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ใครมาขอความช่วยเหลือจากท่านท่านก็ช่วยเหลือมิไม่ได้ขาด ท่านเป็นพระเกจิที่ชาวบางแสนให้ความเคารพอย่างมาก และท่านยังให้ความสำคัญของการศึกษาท่านได้สร้างโรงเรียนวัดบางเป้ง (กุหลาบราษฎร์อำนวยวิทย์) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นต้น ประวัติและสถานะเดิม พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ ท่านมีนามเดิมว่า " กุหลาบ " นามสกุล " อุ่นจิตร หรือ อุ่นจิตต์ (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบไหนครับ) " เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2431 บิดาชื่อ นายช้อน มารดาชื่อ นางเจียก อุ่นจิตร ท่านเกิด ณ หมู่ที่ 1 บ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (บริเวณสถานีดับเพลิง ต.แสนสุข) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน หลวงพ่อกุหลาบเป็นบุตรคนสุดท้อง ดังนี้ พระอธิการอั...

ประวัติหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน อมตะเถระ ๕ แผ่นดิน อายุ ๑๐๙ ปี

หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล " ตัวกูลูกพระพุทธองค์ ครูสิทธิ์ ครูธงค์ องอาจไม่ประมาทครู พบรอยก้มดู เจอครูกราบไหว้ " อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา ผู้เขียน : ClubMahaAud(73) * วาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ " ของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะ หมุนโชคหมุนลาภ ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายๆเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไป ด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระ ที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน " # หลวงปู่หมุน ท่านกำเนิดเมื่อ พศ.2437-2546 อายุยืนถึง 109 ปี พระเครื่องของท่านออกมา ช่วงบั้นปลายชีวิต ในปีพศ.2542-45 จึงดูเหมือนเป็นพระเครื่องใหม่ อายุพระไม่เกิน10ปี ความนิยมในท้องตลาดพระเครื่อง ยังมีไม่มา...

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ หรือ พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต วัดเวฬุวัน

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ (พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต) วัดเวฬุวัน ตำบลพยุห์ อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาติภูมิและอุปสมบท ณ บ้านหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในวันศุกร์ที่  ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ ในครอบครัวของพ่อลี แม่ตุ่น สว่างกุล ได้ก่อกำเนิดลูกชายคนที่ ๘ จากจำนวนทั้งหมด ๙ คน เด็กคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าลูกคนอื่นๆ พ่อจึงได้ตั้งชื่อว่า "จ่อย" ซึ่งเป็นภาษาอีสานหมายถึงผอมแห้ง เด็กชายจ่อยได้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวด้วยการช่วยทำงานทุกอย่างเหมือนดั่งเด็กโต ในยามว่างสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กชายจ่อยคือ ชอบไปนั่งคุยกับพระที่วัดถามถึงเรื่องบาปบุญว่ามีจริงไหม บาปอยู่ที่ไหน บุญอยู่ที่ใด เป็นคำถามที่พระในวัดมักจะถูกถามอยู่เสมอๆ ซึ่งพระในวัดท่านก็ตอบว่า "ถ้าอยากรู้ว่าบาปบุญมีจริงไหม ก็ลองมาบวชดูแล้วจะรู้" คำตอบที่พระท่านตอบมาทำให้ในวันนั้นเด็กชายจ่อยฝังใจในการหาคำตอบ พอเริ่มโตเป็นวัยรุ่น จึงได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ว่า "บัดนี้ครอบครัวก็เป็นปึกแผ่นแล้ว อยากจะออกบวชเรียน เพื่อศึกษาหาคำตอบที่สงสัยมานาน" เมื่อพ่อแม่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้บวชเป็นสามเณ...

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน หลวงปู่เขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดหรงบน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้นก็สามารถบอกถึงกำหนดวันมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากสังขารท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไหม้ได้อีกด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมสูงมาก เช่น เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อลอยองค์ ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว ลูกอม ตะกรุด และพระปิตตา ฯลฯ ประวัติ หลวงปู่เขียว อินทมุนี ท่านเกิดเมื่อปี พุทธศักราช 2424 ในแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อยังเยาว์วัย พ่อท่านเขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งการศึกษาวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของชาติไทยสมัยก่อน จนเมื่อมีอายุได้ 22 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจสละเพศฆราวาส อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2446 ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ. 2446 พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็อยู่รับใช้ป...

ประวัติ หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา

หลวงปู่ทอง อายะนะ (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 117 ปี ท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ส่วนลูกศิษย์ฆราวาสที่เคราพเลื่อมใสท่านมากก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ด้านวัตถุมงคลของท่านมีทั้งพระเครื่องเนื้อพิมพ์สมเด็จ ลูกอม ชานหมาก เสื้อยันต์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ เหรียญรุ่นแรก ประวัติหลวงปู่ทอง อายะนะ หลวงปู่ทอง อายานะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดบางเงินพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดบางเงินพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต วัดกำแพง จังหวัดชลบุรี

ประวัติและปฏิปทา พระครูอุดมวิชชากร (หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต) วัดกำแพง ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พระครูอุดมวิชชากร (หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง และอดีตเจ้าคณะตำบลบางปลาสร้างเขต 2 หลวงปู่เหมือน ท่านเป็นเกจิดังของวัดกำแพง ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดกำแพงจนมีความรุ่งเรืองในหลายๆ ด้าน และยังเป็นผู้อุปการะ องค์อุปการะยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี ในพระสังฆราชูปถัมภ์ , อุปการะโรงเรียนเทศบาลวัดกำแพง (อุดมพิทยากร) และองค์อุปการะมูลนิธิพระครูอุดมวิชชากร อีกด้วย วัตถุมงคลของท่านได้ความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะปิดตา และเหรีญรุ่นแรก พระครูอุดมวิชชากร ท่านมีนามเดิมว่า " เหมือน " นามสกุล " ถาวรวัฒนะ " เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2436 ปีมะเส็ง ณ บ้าน ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โยมบิดาชื่อ ตึ๋ง โยมมารดาชื่อ ปุ่น ถาวรวัฒนะ (มารดาเป็นน้องสาวของหลวงพ่อเจียม อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง) บรรพชา หลวงปู่เหมือน ท่านบรรพชาเป็นสามเณร แล้วจึงอุปสมบทต่อ อุปสมบท หลวงปู่เหมือน อายุได้ 20...

ประวัติ หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก วัดห้วยใหญ่

พระครูภัทรกิจวิบูล (ก้าน ภทฺทโก) พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก) หรือ อาจารย์ก้าน หรือ หลวงพ่อก้าน วัดห้วยใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เกจิดังของตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สังขารท่านไม่เน่าเปลื่อยอยู่ในโรงแก้วจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อก้านท่านพัฒนาวัดห้วยใหญ่จนรุ่นเรือง และช่วยสร้างอื่นๆ เช่นวัดนาจอมเทียน , วัดทุ่งระหาร และวัดชากแง้ว ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนนาจอมเทียนไปถึงถนนบ้านบึงเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ท่านเป็นพระนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระนักพัฒนาที่น่ายกยอง ประวัติ หลวงพ่อก้าน มีเดิมว่า " ก้าน " นามสกุล " เจริญคลัง " ท่านเป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดที่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 13 ค่ำ ปีมะแม โยมบิดาชื่อ เส็ง เกิดที่เมืองจีน โยมแม่ชื่อ นิด นามสกุล เจริญคลัง ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเยาว์นั้นท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบไปใส่บาตรพระกับผู้ใหญ่เสมอๆ บรรพชา เมื่ออายุได้ 14 ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จั...

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี หลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร  พระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งแห่ง จันทบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกระทิงท่านเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์ มีวิชาอาคมอันแก่กล้า  โดยเฉพาะ ท่านสามารถใช้เวทมนตร์ สะกดพวกสัตว์ป่า ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน ในตอนที่ เขาคิชฌกูฎ ได้เปิดให้ผู้คนขึ้นมาสักการะพระพุทธรูป ไหว้พระ และมากราบนมัสการท่าน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ณ บ้านกะทิง ต.พลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ (ขณะนั้นเป็นอำเภอมะขาม) จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายอยู่ และ นางมุ้ง ทองคำ ในครอบครัวของท่านประกอบอาชีพพวกเกษตรกรรม และการหาของป่าสมุนไพร ดังนั้น ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาพืชสมุนไพรและของป่าบนเขาคิชฌกูฏ จนมีความชำนาญ ในช่วงวัยเรียน ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดกะทิง ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนกระทั่งพอท่านมีอายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูนิเทศคณานุสิฏฐ์ วัดหนองอ้อ ต.มะขาม อ.มะขาม ...