ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พระสมเด็จ เนื้อแร่เหล็กไหล 7 สี เขาอึมครึม จังหวัดกาญจนบุรี

พระสมเด็จ เนื้อแร่เหล็กไหล 7 สี เขาอึมครึม จังหวัดกาญจนบุรี

พระสมเด็จถูกแกะมาจากเนื้อแร่เหล็กไหลเจ็ดสี เขาอึมครึม จ.กาญจนบุรี คัดผิวสีเข้มๆ ผิวสีรุ้ง ผิวเหลือบสีเขียวปีกแมลงทับ งดงาม มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละองค์ ผิวพระอาจมีรอยรานที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของก้อนแร่ที่นำมาแกะเป็นองค์พระ แต่ก็ยังดูสวย คลาสสิค มีขนาดความกว้างประมาณ 2.6 เซนติเมตร × ความสูง 3.1 เซนติเมตร × ความหนาประมาณ 5 มิลลิเมตร
#ถ่ายภาพ : ภายใต้แสงของโคมไฟ เพื่อให้เห็นถึงการงอกสีของแร่เหล็กไหลแต่ละองค์ ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ทุกองค์จะลงรูปภาพทั้งด้านหน้า และด้านหลังเอาไว้
#เปิดบูชา : องค์ละ 500 ฿.รวมส่ง(แบบปกติ)

#เป็นตำนานความเชื่อที่เล่าขานสืบต่อกันมา
โปรดใช้วิจารณญานในการศึกษาข้อมูล สำหรับการเช่าบูชา

เหล็กไหลเจ็ดสีเขาอึมครึม (โคตรเหล็กไหลเจ็ดสี) เด่นด้านเมตตามหานิยม

https://youtu.be/PQJM-v3w8l0

         เหล็กไหลเจ็ดสี เป็นเหล็กไหลชั้นยอดในชุดเหล็กไหล และเป็นเหล็กไหลที่พบได้ยากมากๆ มีอิทธฤทธิ์ คงกระพันชาตรี กันภูตผีปีศาจได้ดีที่สุด และสร้างภาพลวงตา
         เหล็กไหลเจ็ดสีนี้ สามารถเจริญเติบโตได้โดยการเลี้ยงน้ำผึ้ง โดยปกติจะให้เสพน้ำผึ้งในคืนพระจันทร์เต็มดวง และเวลาเช้าก็นำไปล้างด้วยน้ำบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง ประมาณ2-3เดือน จะเห็นได้ชัดถึงการเจริญเติบโตของเหล็กไหลชนิดนี้ 
         ในบรรดาเหล็กไหลน้ำหนึ่ง จะกำหนดสีออกได้ 7 สี ในธรรมชาติจริงๆของธาตุกายสิทธิ์ประเภทนี้ พบว่ามีด้วยกัน 7 สี คือ สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ทั้งยังมีที่ออกสีทอง และเงินยวงขาวบริสุทธิ์ 
เหล็กไหลต่างๆเหล่านี้ จะอยู่แยกกันเป็นอิสระ จะพบเจอรวมกันก็เฉพราะรังเหล็กไหลที่เป็น 7 สีเท่านั้น 
รังเหล็กไหลลักษณะดังกล่าวนี้ นับเป็นเหล็กไหลชั้นยอด ถือได้ว่ายอดเยี่ยม เหนือกว่าเหล็กไหลทั้งปวง เพราะเหล็กไหล 7 สี ได้รวมอำนาจบารมีของเหล็กไหลแต่ละสี แต่ละชนิดมาไว้รวมกัน 
จึงเป็นที่มาแห่งสุดยอดเหล็กไหลบารมี เลยก็ว่าได้ 
เหล็กไหล7 สี มีคุณทุกด้านทั้งเสน่ห์ เมตตามหานิยม คุ้มครองชีวิต ป้องกันภูตผีปีศาจร้าย ให้โชคลาภ แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง อย่างที่หาอย่างอื่นมาเทียบได้ 
เป็นตะบะเดชะ เหมาะสำหรับผู้บำเพ็ญญาณบารมี มีอนุภาพ 108 ประการ 
มีเหล็กไหล 7 สี ชิ้นเดียวเท่ากับมีเหล็กไหลชั้นยอดทุกประเภทรวมกัน ผู้ที่ครอบครองจะประสบความสำเร็จในการงาน สามารถฝ่าพันอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง
อำนาจบารมีของเหล็กไหล 7 สีนั้น มีทั้งเทพพรหม ฤาษี คอยรักษาดูแลอยู่ 
ด้วยอานิสงส์จากการบูชาเหล็กไหล 7 สี มีคุณค่าอเนกอนันต์ จึงทำให้ผู้รู้หลายท่านพยายาม ตามหาเหล็กไหลชนิดนี้ไว้ครอบครอง แต่ก็หาได้ยากเพราะในธรรมชาตินั้นมีน้อยมาก รังเหล็กไหลก้อนหนักเป็นตันๆ อาจพบเจอส่วนที่มีสี 7 สี ได้นิดเดียวเท่านั้น 
ผู้ที่ได้เหล็กไหลชนิดนี้ไว้ครอบครอง จะรอดพ้นจากภัยต่าง ๆ พ้นจากวิญญาณชั่วร้ายไม่สามารถมาทำอันตรายกับผู้ครอบครองได้ 
พลังบารมีของเหล็กไหล 7 สี ทำให้จิตใจ ความคิด สุขภาพร่างกายแข็งแรงตามไปด้วย 
เหล็กไหล 7 สี นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้บำเพ็ญเพียร เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ใส่กันผีปีศาจ กันดวงชงดวง ชะตาขาด กันการชงตามงานศพ งานแต่ง หรือใครจะเอามาชีวิต 
ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ มีพุทธคุณในตัว ซึ่งมนุษย์ยังไม่สามารถปลุกเสกทับได้
อาจารย์ หรือผู้รู้ นิยมนำแร่กายสิทธิ์ชนิดนี้มาทำน้ำมนต์รักษาโรคภัยต่างๆ กรรมที่ยังไม่มาถึงเราป้องกันได้ แต่ถ้าโดนแล้วโอกาสที่คิดว่าใส่แล้วหายก็ยากขึ้นด้วย
เด็กคนไหนนอนสะดุ้งตอนกลางคืน เวลานอน ก็ให้ใส่แร่ 7 สีชนิดนี้ รับรองเห็นผล ด้วยแร่ชนิดนี้มีอำนาจมาก 

1.) ผู้ที่โดนผีหลอกและกลัวผี ถ้าใส่พระแล้วไม่ได้ผล ลองหันมาลองใส่เหล็กไหล 7 สี ดูรับรองหาย
2.) ผู้ที่โดนผีอำบ่อยๆ ให้ลองมาใส่เหล็กไหล 7 สีดูหายแน่นอน
3.) คนที่ชอบนอนค้างตามโรมแรมต่างๆ ถ้ากลัวผี หรือมีคนตายในห้องนั้น ให้ลองใส่เหล็กไหล 7 สี รับรองผีไม่มายุ่งกับผู้ที่ใส่เป็นอันขาด
4.) ถ้าไปท่องเที่ยวตามป่าเขา ต่างจังหวัด แล้วเกิดกลัวเรื่อง ลมเพ ลมพัด ของคุนไส มนต์ดำต่างๆ ให้ลองมาใส่เหล็กไหล 7 สี รับรองไม่โดนแน่
5.) ถ้าคนไหนมีสัมผัสที่6 แล้วชอบเห็นเจ้ากรรมนายเวร มาขอส่วนบุญ ถ้าไม่กลัวก็แล้วไป แต่ถ้ากลัว ให้หันมาใส่เหล็กไหล 7 สีดู วิญญาณไม่ดีจะไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ใส่ได้ นอกจากวิญญาณที่ดีเท่านั้น
6.) เด็กที่ชอบนอนสะดุ้ง ตกใจร้องจ๊ากเวลากลางดึก ให้ใส่เหล็กไหล 7 สี หายแน่นอน
7.) ผู้ที่โดนผีเข้า ให้เอาไปใส่ 
8.) ผู้ที่ชอบนั่งสมาธิ นำเหล็กไหล 7 สี มาใส่ ทำให้เกิดสมาธิ และความสามารถในการนั่งสมาธิได้ดีเยี่ยม ธาตุกายสิทธิ์นี้เสมือนทางลัดในการฝึกญาณบารมี
9.) ไว้ในรถ ก็จะปลอดภัยจากภัยทั้งปวง ถ้าดวงตกจริงๆก็จะแคล้วคลาดได้อย่างน่าอัศจรรย์
10.) ป้องกัน การชงดวง งานแต่ง งานศพ ต่างๆได้ผลดีมาก การชง หมายถึง เมื่อมีการแต่งงานคนในบ้านจะต้องจุดธูปบอกกล่าวญาติ วงตระกูลที่เสียไปแล้วให้รับรู้
เมื่อเค้ารับรู้วิญญาณญาติที่ยังไม่สามารถไปเกิดได้ ก็ยังกลับมาหาได้ 
เมื่อรู้ว่ามีการเรียกบอกกล่าวเค้ามา พอเค้ามาเจอญาติตัวเอง หรือวงตระกูลที่มีอายุมาก พอที่เค้าจะสามารถนำไปอยู่ด้วยได้ หรือทำสารพัดโรคภัยให้เข้าไปในตัวผู้นั้น และก็ตายในที่สุด นี่คือการชงดวงงานศพ ( วิธีแก้ ควรใส่เหล็กไหล 7 สีป้องกันได้ 100%)
11.) การที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บอยู่แล้ว และหวังว่าเหล็กไหล 7 สี จะช่วยได้จากที่ดู เป็นอยู่แล้วใส่ 7 สี ไปก็อาจจะไม่สามารถรักษาได้ ต้องยังไม่เคยเป็นเลยเท่านั้น ถึงจะป้องกันได้บางส่วน
12.) คนเฒ่าคนแก่ หรือญาติผู้ใหญ่ ถ้าเกิดมีการฝันถึงญาติที่เสียไปแล้วมาหาบ่อยๆ ให้รีบนำเหล็กไหล 7สี มาใส่ เพราะแปลว่า ญาติเหล่านั้นจะมาเอาเค้าไปอยู่ด้วยแล้ว ถ้าใส่ 7 สี ไว้ก็สามารถป้องกันการนำไปได้ และจะมีชีวิตอยู่ให้เราสร้างบุญต่อไปได้
13.) เหล็กไหล 7 สี ผู้ที่บูชาเมื่อหมดอายุไข เมื่อตายลงไปองค์เหล็กไหลก็จะสามารถพาไปสู่ที่ดีๆ ไม่ต้องไปตก ระกรรมลำบากเป็นวิญญาณเร่ร่อน ( แต่ถ้าเคยทำกรรมไว้มากในชาติก่อน ก็อาจจะผ่อนหนักให้เบาลงได้บางส่วน )
14.) อาจารย์บางท่าน หรือผู้รู้นั้น ท่านจะนำแร่กายสิทธิ์ชนิดนี้ ไว้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และนำมาทำน้ำมนต์ เป็นน้ำทิพย์รักษาโรคได้

#คำอธิษฐานน้ำมนต์เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์

ลูกขอบารมีสมเด็จพุฒจารย์โต พรหมรังสี ท่านพญาสมิงเหล็ก ท่านปู่ฤาษีเวชยันต์ เทพยดาอารักษ์ ผู้สิงสถิตอยู่ในเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์นี้ และครูบาอาจารยฺทุกท่าน 
ข้าพเจ้า ( ชื่อ นามสกุล ) ป่วยเป็นโรค......อาการ......ลูกขออนุญาตดื่มน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ เพื่อช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บในร่างกายของลูกให้หายขาด ณ บัดนี้ด้วยเถิด
( น้ำมนต์ใช้ดื่ม ทา หรืออาบ วันละหลายครั้งก็ได้ )

#คาถาต่างๆ ที่ใช้ภาวนากับเหล็กไหล

ท่อง พระคาถาบทนี้แล้ว พึงทำการอธิษฐานขอให้เหล็กไหลแสดงปาฏิหาริย์เป็นอนุสติให้ดูอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นว่าให้ยืดให้หด ให้เล่นไฟ ยังเป็นคาถาคุ้มครองตัวด้วย ท่องไว้ร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว ปราศจากโรคภัย เป็นคาถาที่เหมาะสมดีนัก พระคาถามีดังนี้

จิ เจ รุ นิ เตชะ สะ ติ
วายุละภะ ภะเวสัจเจเอชิมะ
อะปานุติ ปะถะวิยัง
(ตำรับวัดถ้ำแฝก)

#การนำธาตุกายสิทธิ์เข้าบ้าน

จุดธูป 5 ดอกแล้วกล่าวอัญเชิญดังนี้

พุทโธ เมนาโถ ธัมโม เมนาโถ สังโฆ เมนาโถ สะกะทะจะปูชา
จะบูชาท่านผู้ดูแลจะตุอันศักดิ์สิทธิ์ทรงฤทธิ์อานุภาพ
อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา เหล็กไหลเจริญมา เจริญยิ่ง เจริญดี สิ่งดีดีทั้งหลายหลั่งไหลมาหาข้าพเจ้า 
สัมมะสัมมา สัมมา สัมมะ มะอะอุ

#คาถาถวายน้ำผึ้ง นะอึด โมอึด โธอึด นะอึด ( 3 จบ )

#การขึ้นพานบูชา

จะกระทำกันในวันพระ โดยเฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ (วันเพ็ญ) โดยการนำเอาน้ำสะอาด 1 แก้ว, ดอกไม้หรือเครื่องหอม (น้ำอบ, แป้งหอม ฯลฯ) ใส่พาน และกำหนดจิตด้วย 

#อาบแสงจันทร์ 
การ นำอาบแสงจันทร์ (วันเพ็ญ) เชื่อกันว่า จะดูดซับพลังจากแสงจันทร์ ซึ่งจะมีผลทำให้มีพลังอานุภาพมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการทำให้บริสุทธิ์อีกด้วย (เป็นที่ทราบกันดีว่า ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าดวงจันทร์มีพลังที่ส่งผลกระทบถึงโลก อันเป็นสาเหตุของน้ำขึ้น น้ำลง และอื่น 

#การเข้าร่วมพิธีกรรม
การนำเข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆ ของพระภิกษุสงฆ์ เนื่องจากจะได้ซึมซับพลังจากการแผ่เมตตาจิตของพระภิกษุ...

ข้อมูลจาก
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0Z8BsAGpgQcSpxbuMh9cZB8KhQjKA23QoFbeHiCu8eDM5thCCKwJp4HizX2e1ed7Rl&id=111309004108465&mibextid=Nif5oz

ความคิดเห็น

เนื้อหาที่ได้รับความนิยมในรอบ 1 เดือน :

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดถ้ำภูกำพร้า (วัดภูกำพร้า) จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดภูกำพร้า อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิด ไม่ทราบ มรณภาพ พ.ศ.2548 อายุ ไม่ทราบ (ว่ากันว่า 200 กว่าปี) พรรษา ไม่ทราบ สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้วจนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200 กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญฺโญ วัดดวงแข กรุงเทพมหานคร

ประวัติและปฏิปทา พระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญฺโญ) พระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญญเถร บุญมาก) วัดดวงแข กรุงเทพมหานคร หลวงปู่วิเวียร เกิดวันที่ 9 พฤศจิกายน 2464 บรรพชาเป็นสามเณร วันที่ 9 กรกฎาคม 2482 อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ พ.ศ. 2484 เป็นพระที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมถะและวิปัสสนาอย่างมาก ท่านเป็นพระอาจารย์สอนกัมมัฏฐานต่อผู้ใคร่ศึกษา อาจารย์ของท่านประกอบด้วย พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน (ลูกศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ (ศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท,หลวงปู่เฮง คงฺคสุวณฺโณ วัดเขาดิน จังหวัดนครสวรรค์ และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์) วัตถุมงคลที่ท่านอธิฏฐานจิตมีพุทธานุภาพและกฤดาภินิหารอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์และผู้นิยมพระเครื่อง หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญญเถร (บุญมาก) ละสังขาร เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2537 เวลา 4 ทุ่มตรง รวมสิริอายุได้ 73 ปี พรรษา 53 การเข้าสู่เส้นทางวิปัสสนากัมมัฎฐานและพระเวทย์วิทยาคม พระวิมลธรรมภาณ ...

ประวัติหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน อมตะเถระ ๕ แผ่นดิน อายุ ๑๐๙ ปี

หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล " ตัวกูลูกพระพุทธองค์ ครูสิทธิ์ ครูธงค์ องอาจไม่ประมาทครู พบรอยก้มดู เจอครูกราบไหว้ " อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา ผู้เขียน : ClubMahaAud(73) * วาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ " ของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะ หมุนโชคหมุนลาภ ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายๆเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไป ด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระ ที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน " # หลวงปู่หมุน ท่านกำเนิดเมื่อ พศ.2437-2546 อายุยืนถึง 109 ปี พระเครื่องของท่านออกมา ช่วงบั้นปลายชีวิต ในปีพศ.2542-45 จึงดูเหมือนเป็นพระเครื่องใหม่ อายุพระไม่เกิน10ปี ความนิยมในท้องตลาดพระเครื่อง ยังมีไม่มา...

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ (หลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ) หรือ หลวงพ่อหลาบ วัดบางเป้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางเป้ง และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา ท่านเป็นเกจิดังของตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดบางเป้งจนมีความรุ่งเรือง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ใครมาขอความช่วยเหลือจากท่านท่านก็ช่วยเหลือมิไม่ได้ขาด ท่านเป็นพระเกจิที่ชาวบางแสนให้ความเคารพอย่างมาก และท่านยังให้ความสำคัญของการศึกษาท่านได้สร้างโรงเรียนวัดบางเป้ง (กุหลาบราษฎร์อำนวยวิทย์) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นต้น ประวัติและสถานะเดิม พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ ท่านมีนามเดิมว่า " กุหลาบ " นามสกุล " อุ่นจิตร หรือ อุ่นจิตต์ (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบไหนครับ) " เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2431 บิดาชื่อ นายช้อน มารดาชื่อ นางเจียก อุ่นจิตร ท่านเกิด ณ หมู่ที่ 1 บ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (บริเวณสถานีดับเพลิง ต.แสนสุข) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน หลวงพ่อกุหลาบเป็นบุตรคนสุดท้อง ดังนี้ พระอธิการอั...

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน หลวงปู่เขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดหรงบน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้นก็สามารถบอกถึงกำหนดวันมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากสังขารท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไหม้ได้อีกด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมสูงมาก เช่น เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อลอยองค์ ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว ลูกอม ตะกรุด และพระปิตตา ฯลฯ ประวัติ หลวงปู่เขียว อินทมุนี ท่านเกิดเมื่อปี พุทธศักราช 2424 ในแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อยังเยาว์วัย พ่อท่านเขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งการศึกษาวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของชาติไทยสมัยก่อน จนเมื่อมีอายุได้ 22 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจสละเพศฆราวาส อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2446 ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ. 2446 พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็อยู่รับใช้ป...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต วัดกำแพง จังหวัดชลบุรี

ประวัติและปฏิปทา พระครูอุดมวิชชากร (หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต) วัดกำแพง ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พระครูอุดมวิชชากร (หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง และอดีตเจ้าคณะตำบลบางปลาสร้างเขต 2 หลวงปู่เหมือน ท่านเป็นเกจิดังของวัดกำแพง ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดกำแพงจนมีความรุ่งเรืองในหลายๆ ด้าน และยังเป็นผู้อุปการะ องค์อุปการะยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี ในพระสังฆราชูปถัมภ์ , อุปการะโรงเรียนเทศบาลวัดกำแพง (อุดมพิทยากร) และองค์อุปการะมูลนิธิพระครูอุดมวิชชากร อีกด้วย วัตถุมงคลของท่านได้ความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะปิดตา และเหรีญรุ่นแรก พระครูอุดมวิชชากร ท่านมีนามเดิมว่า " เหมือน " นามสกุล " ถาวรวัฒนะ " เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2436 ปีมะเส็ง ณ บ้าน ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โยมบิดาชื่อ ตึ๋ง โยมมารดาชื่อ ปุ่น ถาวรวัฒนะ (มารดาเป็นน้องสาวของหลวงพ่อเจียม อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง) บรรพชา หลวงปู่เหมือน ท่านบรรพชาเป็นสามเณร แล้วจึงอุปสมบทต่อ อุปสมบท หลวงปู่เหมือน อายุได้ 20...

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ หรือ พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต วัดเวฬุวัน

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ (พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต) วัดเวฬุวัน ตำบลพยุห์ อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาติภูมิและอุปสมบท ณ บ้านหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในวันศุกร์ที่  ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ ในครอบครัวของพ่อลี แม่ตุ่น สว่างกุล ได้ก่อกำเนิดลูกชายคนที่ ๘ จากจำนวนทั้งหมด ๙ คน เด็กคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าลูกคนอื่นๆ พ่อจึงได้ตั้งชื่อว่า "จ่อย" ซึ่งเป็นภาษาอีสานหมายถึงผอมแห้ง เด็กชายจ่อยได้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวด้วยการช่วยทำงานทุกอย่างเหมือนดั่งเด็กโต ในยามว่างสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กชายจ่อยคือ ชอบไปนั่งคุยกับพระที่วัดถามถึงเรื่องบาปบุญว่ามีจริงไหม บาปอยู่ที่ไหน บุญอยู่ที่ใด เป็นคำถามที่พระในวัดมักจะถูกถามอยู่เสมอๆ ซึ่งพระในวัดท่านก็ตอบว่า "ถ้าอยากรู้ว่าบาปบุญมีจริงไหม ก็ลองมาบวชดูแล้วจะรู้" คำตอบที่พระท่านตอบมาทำให้ในวันนั้นเด็กชายจ่อยฝังใจในการหาคำตอบ พอเริ่มโตเป็นวัยรุ่น จึงได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ว่า "บัดนี้ครอบครัวก็เป็นปึกแผ่นแล้ว อยากจะออกบวชเรียน เพื่อศึกษาหาคำตอบที่สงสัยมานาน" เมื่อพ่อแม่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้บวชเป็นสามเณ...

ประวัติ หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา

หลวงปู่ทอง อายะนะ (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 117 ปี ท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ส่วนลูกศิษย์ฆราวาสที่เคราพเลื่อมใสท่านมากก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ด้านวัตถุมงคลของท่านมีทั้งพระเครื่องเนื้อพิมพ์สมเด็จ ลูกอม ชานหมาก เสื้อยันต์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ เหรียญรุ่นแรก ประวัติหลวงปู่ทอง อายะนะ หลวงปู่ทอง อายานะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดบางเงินพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดบางเงินพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น...

ประวัติ หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก วัดห้วยใหญ่

พระครูภัทรกิจวิบูล (ก้าน ภทฺทโก) พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก) หรือ อาจารย์ก้าน หรือ หลวงพ่อก้าน วัดห้วยใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เกจิดังของตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สังขารท่านไม่เน่าเปลื่อยอยู่ในโรงแก้วจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อก้านท่านพัฒนาวัดห้วยใหญ่จนรุ่นเรือง และช่วยสร้างอื่นๆ เช่นวัดนาจอมเทียน , วัดทุ่งระหาร และวัดชากแง้ว ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนนาจอมเทียนไปถึงถนนบ้านบึงเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ท่านเป็นพระนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระนักพัฒนาที่น่ายกยอง ประวัติ หลวงพ่อก้าน มีเดิมว่า " ก้าน " นามสกุล " เจริญคลัง " ท่านเป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดที่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 13 ค่ำ ปีมะแม โยมบิดาชื่อ เส็ง เกิดที่เมืองจีน โยมแม่ชื่อ นิด นามสกุล เจริญคลัง ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเยาว์นั้นท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบไปใส่บาตรพระกับผู้ใหญ่เสมอๆ บรรพชา เมื่ออายุได้ 14 ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จั...

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง

ประวัติหลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี หลวงพ่อเขียน ขนฺธสโร  พระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งแห่ง จันทบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกระทิงท่านเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์ มีวิชาอาคมอันแก่กล้า  โดยเฉพาะ ท่านสามารถใช้เวทมนตร์ สะกดพวกสัตว์ป่า ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน ในตอนที่ เขาคิชฌกูฎ ได้เปิดให้ผู้คนขึ้นมาสักการะพระพุทธรูป ไหว้พระ และมากราบนมัสการท่าน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ณ บ้านกะทิง ต.พลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ (ขณะนั้นเป็นอำเภอมะขาม) จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายอยู่ และ นางมุ้ง ทองคำ ในครอบครัวของท่านประกอบอาชีพพวกเกษตรกรรม และการหาของป่าสมุนไพร ดังนั้น ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาพืชสมุนไพรและของป่าบนเขาคิชฌกูฏ จนมีความชำนาญ ในช่วงวัยเรียน ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดกะทิง ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนกระทั่งพอท่านมีอายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูนิเทศคณานุสิฏฐ์ วัดหนองอ้อ ต.มะขาม อ.มะขาม ...