ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่จันทร์ กุสโล วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่

ประวัติและปฏิปทา พระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์ กุสโล)

วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

๏ ถิ่นกำเนิด

ณ เรือนไม้อันร่มรื่นริมน้ำปิง บ้านท่ากองิ้ว ตำบลปากบ่อง อำเภอปากซาง จังหวัดลำพูน ปี พ.ศ.๒๔๖๐ นายนาริน และนางต๊ะ แสงทอง ผู้ภรรยา ได้มีโอกาสรับขวัญทายาทเพศชายคนที่ ๖ ท่ามกลางความปิติยินดีของพี่ชายและพี่สาวทั้ง ๕ คน ในวันจันทร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๐ ทารกเพศชายสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ผิวพรรณสะอาดหมดจด มีนามว่า “เด็กชายจันทร์ แสงทอง”



๏ ชีวิตปฐมวัย

หลังจากที่โยมบิดาและโยมมารดาแต่งงานกันไป ได้ไปทำการค้าขายอยู่ที่ตลาดท่ากองิ้ว ตำบลปากบ่อง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน จนกระทั่งให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้อง (พระพุทธพจนวราภรณ์) เมื่อท่านอายุได้ ๘ เดือน โยมบิดาได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคระบาด คือ กาฬโรค หลังจากโยมบิดาเสียชีวิตแล้ว โยมมารดาได้ย้ายถิ่นฐานครอบครัวมาอยู่ในตลาดเมืองลำพูน เพื่อทำกิจการค้าขาย ซึ่งต่อมาเมื่อไม่อาจที่จะดำเนินการค้าขายได้อีกต่อไป จึงได้ย้ายถิ่นฐานอีก ไปอยู่ที่บ้านป่าแดด ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน

เนื่องจากมีปัญาและอุปสรรคทางชีวิตครอบครัว คือโยมบิดาเสียชีวิตและต้องย้ายที่อยู่บ่อย จึงทำให้โอกาสทางการศึกษาผ่านไป จนกระทั่งอายุเลยเกณฑ์ภาคบังคับ (โรงเรียนในสมัยนั้น ถ้าเด็กอายุเลยเกณฑ์แล้วจะไม่รับเข้าเรียน) ท่านจึงต้องใช้ชีวิตอยู่แบบชาวบ้าน ที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษา ต้องช่วยโยมมารดาทำงานตามฐานะ คือเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ท่านเล่าให้ฟังว่า สถานที่เลี้ยงวัวเลี้ยงควายของท่านในสมัยเด็กๆ นั้นคือบริเวณทางรถไฟตั้งแต่แม่น้ำกวง เรื่อยไปจนถึงบริเวณดอยติ (อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ในปัจจุบัน)

เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๔ เมื่อท่านอายุย่างเข้า ๑๔ ปี โยมมารดาได้พากันไปฝากเป็นศิษย์วัดป่าแดด ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นศิษย์วัดร่วมกับพี่ชาย (นายบุญปั๋น แสงทอง) ซึ่งบวชเป็นสามเณรอยู่ที่นั่น ท่านได้มีโอกาสเรียนอักษรพื้นเมือง ท่องบทสวดเจ็ดตำนาน และคำขอบวชเพื่อเตรียมตัวบวชเป็นสามเณร ในระหว่างเป็นศิษย์วัด ท่านเล่าให้ฟังว่า ลูกศิษย์ที่เป็นเพื่อนๆ กัน เมื่อพวกเขาได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ได้ไปโรงเรียนกันหมด ส่วนตัวท่านไม่ได้ไปเรียน เนื่องจากอายุเลยเกณฑ์ เลยต้องทำหน้าที่ขโยม (เป็นภาษาเหนือ หมายถึง ศิษย์วัด) ไปเก็บอาหารจากชาวบ้านมาถวายท่านสมภาร

ประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๕ ขณะที่ท่านกำลังตัดไม่ไผ่จะทำรั่ว พี่ชายได้มาตามให้ไปอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากญาติที่อยู่ในเมืองลำพูนจะบวชเป็นสามเณรอยู่ที่นั่น ท่านจึงได้มีโอกาสเข้ามาเป็นศิษย์วัดเจดีย์หลวงฯ โดยได้รับการศึกษาชั้นเตรียม (ก่อนเรียนชั้นประถม) นับเป็นการเริ่มต้นเรียนภาษาไทยของท่าน ที่โรงเรียนพุทธิโสภณ (ซึ่งในสมัยนั้นตั้งอยู่ในวัดเจดีย์หลวงฯ ทางด้านเหนือของพระวิหาร ตรงที่เป็นศาลาเอนกประสงค์ในปัจจุบัน) เป็นเวลาประมาณ ๔ เดือน พออ่านออกเขียนได้แล้ว ท่านพระครูสังฆรักษ์ (แหวว ธมฺมทินโน - ต่อมาได้รับสมณศักดิ์ในราชทินนามที่ พระพุทธิโสภณ) เห็นว่าอายุมากแล้วจึงให้บรรพชาเป็นสามเณร นับว่าเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ร่มเงาในบวรพระพุทธศาสนา


๏ การบรรพชา

ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๕ ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พระครูนพีสีพิศาลคุณ (ทอง โฆษิโต) วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์

๏ การอุปสมบท

เมื่อท่านมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๐ ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พระพุทธิโสภณ (แหวว ธมฺมทินโน) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูมหาเจติยาภิบาล วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์, สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระญาณดิลก วัดพระศรีมหาธาตุฯ เขตบางเขน กรุงเทพฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูพุทธิโสภณ (บุญปั๋น) วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “กุสโล” ซึ่งแปลว่า “ผู้ฉลาด”


๏ การศึกษาพระปริยัติธรรม

ในปี พ.ศ.๒๔๗๔ ท่านได้เข้าเรียนภาษาไทยที่โรงเรียนพุทธโสภณ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดเจดีย์หลวงฯ ด้วยความที่เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย พูดจาสุภาพอ่อนน้อม กิริยามารยาทเรียบร้อย มีความมานะพยายามขยันท่องบ่น สวดมนต์ และเรียนนักธรรม

ซึ่งท่านสอบนักธรรมชั้นตรีได้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๖, ในปี พ.ศ.๒๔๗๗ สอบได้บาลีไวยกรณ์, ในปี พ.ศ.๒๔๗๘ สอบได้นักธรรมชั้นโท, ในปี พ.ศ.๒๔๘๑ ท่านได้ย้ายไปเรียนที่วัดบรมนิวาส ที่กรุงเทพฯ สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค, ในปี พ.ศ.๒๔๘๒ สอบได้นักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม ๔ ประโยค, ในปี พ.ศ.๒๔๘๓ ท่านได้ย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร และสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค

หลังจากนั้นท่านได้พยายามลงไปสอบเปรียญธรรม ๖ ประโยค ที่กรุงเทพฯ อยู่หลายปี แต่ไม่ผ่าน เนื่องจากในสมัยนั้นเต็มไปด้วยปัญหาอุปสรรคนานัปการ เพราะว่าอยู่ช่วงของสงครามโลก อีกทั้งการติดต่อสื่อสารกันลำบากมากโดยเฉพาะการเดินทางจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ


๏ ลำดับสมณศักดิ์

วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามที่ “พระครูวินัยโกศล”

วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ “พระราชวินยาภรณ์ สุนทรธรรมสาธิต ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี”

วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ “พระเทพกวี เมธีธรรมโฆษิต อรรถกิจจาทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี”

วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม เป็นกรณีพิเศษ ในราชทินนามที่ “พระธรรมดิลก ธรรมสาธก วิจิตราภรณ์สุนทร พิพิธธรรมวาที ตรีปิฎกวิภูสิต ธรรมมิกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี”

วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏหรือรองสมเด็จพระราชาคณะ ในราชทินนามที่ “พระพุทธพจนวราภรณ์ อดิศรวุฒิโสภณ วิมลศีลาจารวัตร วิสุทธิธรรมปฏิบัติวินยวาท พุทธศาสน์คณาธิกร ธรรมยุตติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี”


๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์

พ.ศ.๒๔๘๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการสงฆ์ประจำอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอ จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธรรมยุต)

พ.ศ.๒๔๘๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระวินัยธรชั้นต้น ภาค ๕ เขต ๑

พ.ศ.๒๔๙๕ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะธรรมยุตผู้ช่วย จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง-อุตรดิตถ์

พ.ศ.๒๕๐๒ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.๒๕๑๒ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๑๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูใหญ่โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา โรงเรียนสามัคคีวิทยาทาน

พ.ศ.๒๕๑๖ ได้รับการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๒๒ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธรรมยุต)

พ.ศ.๒๕๒๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๓๐ ได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการคณะธรรมยุต และเป็นประธานกรรมการโรงเรียนพระปริยัติธรรม และโรงเรียนธรรมสาธิตศึกษา จังหวัดลำพูน

พ.ศ.๒๕๓๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะภาค ๔-๕-๖-๗ (ธรรมยุต) และเป็นรองเลขาธิการสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา

พ.ศ.๒๕๓๕ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิการศึกษา การศาสนา การวัฒนธรรม เขตการศึกษา ๘

พ.ศ.๒๕๓๖ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค ๔-๕-๖-๗ (ธรรมยุต)

พ.ศ.๒๕๓๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะภาค ๔-๕-๖-๗ (ธรรมยุต)

๏ ตำแหน่งงานอื่นๆ

พ.ศ.๒๕๐๒ เป็นประธานกรรมการมูลนิธิเมตตาศึกษา ได้ก่อตั้งโรงเรียนเมตตาศึกษา ซึ่งเป็นโรง เรียนเอกชนที่รับเด็กเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และมีความประพฤติเรียบร้อย เข้าเรียนโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ ดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบัน โดยอาศัยทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธา ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิเมตตาศึกษา ตั้งอยู่ที่บริเวณภายในวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท โดยจัดตั้งมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ (พระอารามหลวง) เลขที่ ๕๑๔ หมู่ที่ ๑ ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๑๘ เป็นประธานคณะกรรมการส่วนภูมิภาค ภาค ๕ ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย (ฝ่ายบรรพชิต), เป็นประธานชมรมศาสนิกสัมพันธ์เชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๒๑ เป็นอาจารย์พิเศษของสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท อาทิ คณะศึกษาศาสตร์, มนุษยศาสตร์, สังคมศาสตร์, พยาบาลศาสตร์ ฯลฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสหวิทยาลัยครูเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นกรรมการที่ปรึกษาชมรมยาพื้นบ้านล้านนาไทย ซึ่งเป็นการรักษาและอนุรักษ์ยา พื้นบ้านของไทย

พ.ศ.๒๕๒๖ เป็นกรรมการอุปถัมภ์โรงเรียนพุทธิโสภณ

พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นกรรมการที่ปรึกษาหน่วยงานสากล ที่ให้การส่งเสริมความร่วมมือ และประสานงานการพัฒนาชนบท ทุกระดับในประเทศไทย, เป็นกรรมการอุปถัมภ์มูลนิธิส่งเสริมโภชนาการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ

พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นกรรมอุปถัมภ์ชมรมธรรมานามัยศูนย์เชียงใหม่, เป็นกรรมการวางแผนการศึกษา การศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ประจำจังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๓๔ ร่วมกับมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพฯ จัดตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ทางพระพุทธศาสนาขึ้น ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อว่า “สภาการศึกษามหากุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา”

พ.ศ.๒๕๓๕ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิการศึกษา การศาสนา และการวัฒนธรรม เขตการศึกษา ๘


๏ งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา

พ.ศ.๒๔๘๑ ให้การศึกษาอบรมทางด้านจิตใจแก่ประชาชน รับนิมนต์ไปแสดงธรรมตามวัดและ สถานที่ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดใกล้เคียง และต่างจังหวัด, แสดงพระธรรมเทศนสและข้อคิดเห็นอีกทั้งคติเตือนใจ ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและทางสถานีโทรทัศน์ ตามรายการดังนี้

พ.ศ.๒๔๙๘ พระธรรมเทศนา รายการ ๓๐ นาที ทุกวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลา ๐๙.๓๐-๑๐.๐๐ น. สถานีวิทยุกระจายเสียงทหารอากาศเชียงใหม่ ภาค AM

พ.ศ.๒๕๐๓ ข้อคิดประจำวัน รายการ ๕ นาที ทุกวันก่อนปิดสถานีวิทยุ วปถ. ๒ ค่ายกาวิละ เชียงใหม่ (ออกอากาศอยู่ ๑ ปี) ภายหลังเปลี่ยนเป็นรายการ ๑๕ นาที ทุกวัน เวลา ๐๕.๔๕-๐๖.๐๐ น. สถานีวิทยุทหารอากาศเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๘-พ.ศ.๒๕๕๑

พ.ศ.๒๕๐๔ สนทนาธรรม รายการ ๓๐ นาที ทุกวันอาทิตย์ เวลา ๑๙.๐๐-๑๙.๓๐ น. ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทหารอากาศเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๒๕ พระธรรมยามเย็น เป็นรายการชีวิตสอดแทรกธรรมะ ๓๐ นาที ออกอากาศทุกวันเสาร์- อาทิตย์ เวลา ๑๘.๐๐-๑๘.๓๐ น. ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงสื่อสารมวลชน คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๒๘ ชีพจรลงเท้า เป็นรายการ ๓๐ นาที ถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง ๗, แผ่นดินธรรม เป็นรายกาย ๓๐ นาที ถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง ๓

พ.ศ.๒๕๒๙ ธรรมสวนะ เป็นรายการ ๓๐ นาที ถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง ๓ และช่อง ๑๑ (ช่อง ๘ ลำปางเดิม)

พ.ศ.๒๕๓๐ ระเบียบวินัยคือหัวใจของชาติ เป็นรายการ ๓๐ นาที เดือนละครั้ง ทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ กรุงเทพฯ และรายการธรรมะ ๕ นาที เป็นรายการ ๕ นาที ทุกวันก่อนเข้าห้องเรียน โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๓๒ บทบาทของพระสงฆ์กับการพัฒณาชนบท รายการ ๔๕ นาที ถ่ายทอดทางสถานี โทรทัศน์ ช่อง ๑๑ (ช่อง ๘ ลำปางเดิม)

พ.ศ.๒๕๓๓ การแสดงปาฐกถาและร่วมประชุมสัมนา “เกษตรสนทนา” นอกจากนั้นท่านยังได้รับนิมนต์ไปแสดงปาฐกถาและร่วมประชุมสัมนาเกี่ยวกับงานที่ทำ โดยเฉพาะงานด้านสภาพปัญหากับการพัฒนาชนบท งานเกี่ยวกับมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท ที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นประธานอยู่ และงานเสริมสร้างคุณภาพชีวิต ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ


๏ ผลงานในประเทศไทย

พ.ศ.๒๔๙๔ สถาบันการศึกษาทุกระดับในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ เป็นครูสอนพิเศษวิชาศีลธรรมชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ, เป็นครูสอนพิเศษวิทยาลัยครู, วิทยาลัยอาชีวศึกษา และมหาวิทยาลัย ฯลฯ และการบรรยายพิเศษแก่นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นต้น

พ.ศ.๒๔๙๖ ทางสื่อมวลชน คือสถานีวิทยุกระจายเสียงและทางสถานีโทรทัศน์

พ.ศ.๒๕๑๓ องค์กรเอกชน อาทิ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย (บรรยายงานมูลนิธิ เมตตาศึกษา และมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท ในการไปร่วมประชุมสัมมนา)

พ.ศ.๒๕๒๗ หน่วยงานรัฐบาล เช่นที่ทำเนียบรัฐบาล (บรรยายเกี่ยวกับการพัฒนาชนบท ปีละครั้ง ในระยะ ๓ ปี ติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ.๒๕๒๗-พ.ศ.๒๕๒๙)


๏ ผลงานในต่างประเทศ

พ.ศ.๒๔๙๙ ร่วมประชุมสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ ๖ ณ ประเทศพม่า ในงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ

พ.ศ.๒๕๒๓ ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “อิทธิพลของศาสนาและวัฒนธรรมในการพัฒนาชนบท” ในการประชุมสัมมนาองค์การเซนดร้า ณ ประเทศอินโดนีเซีย โดยรับนิมนต์จากสมาคม Y.M.C.A. เชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๒๓ ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “บทบาทของพระสงฆ์กับการพัฒนาชนบท” กับสถาบันฝึกผู้ประสานงานพัฒนา และสมาคม Y.M.C..A. เชียงใหม่ ณ ประเทศมาเลเซีย

พ.ศ.๒๕๒๕ รับนิมนต์ไปแสดงปาฐกธรรม ณ วัดไทยในรัฐต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น ที่ลอสแองเจลิส, ชิคาโก, นิวยอร์ก, วอชิงตัน ดี.ซี. ฯลฯ


๏ การไปศึกษาและดูงานด้านศาสนาในต่างประเทศ

พ.ศ.๒๔๙๗ และ ๒๔๙๘ ประเทศสิงค์โปร์และปีนัง

พ.ศ.๒๔๙๙ ประเทศพม่า

พ.ศ.๒๕๑๐ และ ๒๕๓๕ ประเทศญี่ปุ่น

พ.ศ.๒๕๑๑ ประเทศอินเดีย

พ.ศ.๒๕๒๑ ประเทศอินโดนีเซีย

พ.ศ.๒๕๒๕ ประเทศสหรัฐอเมริกา

พ.ศ.๒๕๒๖ และ ๒๕๒๙ ประเทศศรีลังกา

พ.ศ.๒๕๓๑ ประเทศออสเตรเลีย

พ.ศ.๒๕๓๕ ประเทศจีน (สิบสองปันนา), ประเทศอินโดนีเซีย

พ.ศ.๒๕๓๗ ประเทศอเมริกาและยุโรป

พ.ศ.๒๕๓๙ ประเทศจีน

พ.ศ.๒๕๔๐ ประเทศจีน


๏ การพัฒนาการศึกษาและชนบท

พ.ศ.๒๕๐๒ จัดตั้ง “มูลนิธิเมตตาศึกษา” และโรงเรียนเมตตาศึกษา ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ โดยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ปกครองระดับท้องถิ่น อาทิ นายอำเภอ, ศึกษาธิการอำเภอ, นักธุรกิจ และกรรมการยุวพุทธิกสมาคมเชียงใหม่ เป็นต้น

วัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งมูลนิธิเมตตาศึกษานั้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอาชญากรรมซึ่งเกิดขึ้นในวัยรุ่น อีกทั้งช่วยปลูกฝังและส่งเสริมศีลธรรมไปพร้อมๆ กัน ตลอดจนช่วยให้เด็กชนบทที่เรียนดีแต่ยากจน ได้มีโอกาสเรียนต่อ หลังจากที่จบจากการศึกษาภาคบังคับ แบบให้เปล่า คือนอกจากจะไม่เก็บค่าเล่าเรียนและค่าบำรุงใดๆ แล้ว มูลนิธิเมตตาศึกษายังให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือดเป็นกรณีพิเศษ ทั้งในด้านจัดหาทุนเรียน, จัดหาผู้อุปการะ, ที่พักอาศัย, ให้ขอยืมแบบเรียน และกรณีจำเป็นอื่นๆ

พ.ศ.๒๕๑๒ จัดตั้ง “มูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท” ด้วยวัตถุประสงค์หลักที่จะให้โอกาสแก่เยาวชนชายหญิงในชนบทที่ต้องการศึกษา และคนชนบทที่ยากจนได้รับการพัฒนา จนกระทั่งถึงระดับที่ช่วยเหลือตนเองและชุมชนได้ ทั้งในด้านงานอาชีพทางเกษตรและงานฝีมือต่างๆ ตลอดจนส่งเสริมแนวทางการอนุรักษ์ทางศีลธรรม-วัฒนธรรมของชาติและท้องถิ่นไปพร้อมๆ กัน กล่าวคือ เป็นการพัฒนาชนบทตามแนวคิดและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งมูลนิธิที่ว่า “เศรษฐกิจ จิตใจ ต้องแก้ไขพร้อมกัน”

พ.ศ.๒๕๓๔ จัดตั้ง “สภาการศึกษามหากุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา” ให้เป็นมหาวิทยาลัยทางพระพุทธศาสนาในเขตภาคเหนือ มีสถานที่ตั้งอยู่ ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับความร่วมมือจากทางมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพฯ

๏ ผลงานด้านหนังสือธรรมะและสิ่งพิมพ์

พ.ศ.๒๕๐๐ หนังสือธรรมานุภาพ พิมพ์ที่สำนักพิมพ์คลิงวิทยา กรุงเทพฯ หนา ๓๗๖ หน้า เป็นหนังสือธรรมะและประเพณีต่างๆ ของล้านนาไทย

พ.ศ.๒๕๐๓ หนังสือธรรมะจากสิ่งแวดล้อม พิมพ์ที่ ห.จ.ก.ฤทธิการพิมพ์ กรุงเทพฯ หนา ๖๔ หน้า เป็นหนังสือเล่าเรื่องการเดินทางที่ให้ข้อคิดทางธรรมะ จากอำเภอเมืองไปอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๐๙, ๒๕๒๒, และ ๒๕๒๔ หนังสือข้อคิดประจำวัน พิมพ์ครั้งที่ ๑ สำนักพิมพ์คลังวิทยา กรุงเทพฯ, พิมพ์ครั้งที่ ๒ และ ๓ ที่โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย กรุงเทพฯ หนา ๔๓๐ หน้า เป็นหนังสือรวบรวมรายการข้อคิดประจำวัน ซึ่งเป็นข้อคิดทางธรรมะ ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทหารอากาศเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๐๙ หนังสือเครื่องหมายคนดี พิมพ์ที่สำนักพิมพ์คลังวิทยา กรุงเทพฯ เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความทางธรรมะ ซึ่งเป็นรายการที่บรรยายทางสถานีวิทยุ วปถ. ๒

พ.ศ.๒๕๑๒ หนังสือพระไทยไปญี่ปุ่น พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไทยเขษม กรุงเทพฯ หนา ๔๑๑ หน้า เป็นหนังสือสารคดีท่องเที่ยวญี่ปุ่นทางเรือที่แทรกธรรมะ และบรรยายหรือพรรนาด้วยบทร้อยแก้วและร้อยกรอง

พ.ศ.๒๕๒๔ หนังสือมงคลชีวิต พิมพ์ที่กลางเวียงการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งสิ้น ๑๕ ครั้ง คือ ปี พ.ศ.๒๕๒๔, ๒๕๒๖, ๒๕๒๗, ๒๕๒๙, ๒๕๓๐, ๒๕๓๑, ๒๕๓๒, ๒๕๓๓, ๒๕๓๔, ๒๕๓๕, ๒๕๓๖, ๒๕๓๗, ๒๕๓๘, ๒๕๓๙, ๒๕๔๐ เป็นหนังสือที่รวบรวมขัอคิดคติเตือนใจ และศาสนพิธีต่างๆ โดยย่อจากหนังสือธรรมบรรณาการที่พิมพ์แจกเป็น ส.ค.ส. ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๔ จนถึงปัจจุบัน และหนังสือ Wisdom Of Ven Phra Thepdkawee แปลมาจากหนังสือมงคลชีวิต สำหรับแจกชาวต่างประเทศ

พ.ศ.๒๕๒๘ หนังสือชีวิตโยมแม่ เป็นหนังสืองานที่ระลึกฌาปนกิจศพโยมแม่แสง แสงทอง พิมพ์ที่กลางเวียงการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๔๓๐ หนังสือพัฒนาชนบท พิมพ์ที่กลางเวียงการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนังสือรวบรวมประวัติการดำเนินการและผลงานของมูลนิธิเมตตาศึกษา และมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท

พ.ศ.๒๕๓๕ หนังสือรวมบทร้อยกรองที่ประพันธ์ขึ้นในโอกาสต่างๆ จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานถวายปริญญาพัฒนาบริหารศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิตกิตติศักดิ์ ทางพัฒนาสังคมของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๕

พ.ศ.๒๕๓๖ หนังสือมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท พิมพ์ที่ ห.จ.ก.ฤทธิศรีการพิมพ์ กรุงเทพฯ หนา ๑๑๖ หน้า เป็นหนังสือที่ระลึกเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาทรงเป็นองค์ประธานเปิดอาคาร ซี.ฟริส เยสเปอร์เซ๋น ณ วัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๓๗ หนังสือพระเชียงใหม่ไปอเมริกา-มายุโรป พิมพ์ที่โรงพิมพ์ครองช่างการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่ หนา ๑๙๒ หน้า เป็นหนังสือร้อยแก้วและร้อยกรอง

พ.ศ.๒๕๓๙ หนังสือพระเชียงใหม่ไปอเมริกา-มายุโรป ออกแบบและจัดรูปเล่มใหม่โดยพระอธินันท์ ปุญฺญนนฺโท พิมพ์ที่โรงพิมพ์กลางเวียงการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่ หนา ๑๓๖ หน้า จำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม, หนังสือเครื่องหมายของคนดี ออกแบบและจัดรูปเล่มใหม่โดยพระอธินันท์ ปุญฺญนนฺโท พิมพ์ที่โรงพิมพ์กลางเวียงการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่ หนา ๒๘๐ หน้า จำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม

พ.ศ.๒๕๔๐ หนังสือชีวิตกับการรักษาจิต พิมพ์ที่โรงพิมพ์นันทพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม, หนังสือชีวิตที่มีความสุข เล่ม ๑ และ ๒ พิมพ์ที่โรงพิมพ์นันทพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๖,๐๐๐ เล่ม, หนังสือยอดของความสุข พิมพ์ที่โรงพิมพ์นันทพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม, หนังสือคู่มือปฏิบัติธรรม พิมพ์ที่โรงพิมพ์ประชาชน กรุงเทพฯ จำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม, หนังสือคำกลอนสอนใจ พิมพ์ที่โรงพิมพ์กลางเวียงการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม

พ.ศ.๒๔๙๔ จนถึงปัจจุบัน ได้เขียนบทความต่างๆ ที่พิมพ์เผยแพร่ในวารสารครูเชียงใหม่, หนังสือพิมพ์, นิตยสาร และหนังสืออนุสรณ์ต่างๆ หนังสือที่พิมพ์แจกในงานศพ ฯลฯ


๏ ผลงานดีเด่นและเกียรติคุณที่ได้รับยกย่อง

พ.ศ.๒๕๐๒-พ.ศ.๒๕๕๑ ริเริ่มงานพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยระบบมูลนิธิฯ และการจัดการศึกษาในลักษณะแบบให้เปล่าแก่เด็กยากจนที่ไม่มีโอกาส คือ มูลนิธิเมตตาศึกษาและโรงเรียนเมตตาศึกษา

ได้มีศรัทธาจำนวนมากทั้งส่วนบุคคล และองค์กรทั้งของรัฐและเอกชนในประเทศ และต่างประเทศ ได้ร่วมกันบริจาคสร้างตึกเรียน, หอประชุมมีชื่อว่า “วินยาภรณ์” (ตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระราชวินยาภรณ์ ด้วยเงินบริจาคจากองค์กร NOVIB ประเทศเนเธอร์แลนด์) และช่วยให้นักเรียนที่นอกจากจะไม่เสียค่าเล่าเรียน และค่าบำรุงใดๆ แล้วยังได้รับความช่วยเหลือตามความจำเป็นด้านต่างๆ อาทิ ค่าอาหารกลางวัน, ค่ารถไปโรงเรียน, ค่าอุปกรณ์การเรียน นอกจากนี้ นักเรียนยังมีโอกาสได้ทำงานพิเศษ เพื่อเสริมรายได้ให้ครอบครัว นอกเวลาเรียน และระหว่างปิดภาคเรียน

ตลอดจนมีโอกาสแข่งขันชิงทุนของมูลนิธิเมตตายามาโมโต (มูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นจากข้อตกลงร่วมกันระหว่าง Mr.Munio Yamamoto ชาวญี่ปุ่น ที่ศรัทธาต่อพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๒๘) หลังจากที่จบการศึกษาของโรงเรียนในระดับมัธยม ๖ แล้ว เพื่อเข้ารับการศึกษาและฝึกทักษะการใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นเวลา ๑ ปีเต็มในประเทศ หรือบางปีก็ได้ไปเรียนและฝึกงานในบริษัทของผู้ให้ทุนผ่านมูลนิธิฯ มา เช่น ณ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา ๖ เดือนเต็ม เป็นต้น ผลสำเร็จสูงสุดของผู้ได้รับทุนนี้คือทุกคนได้รับการจองตัวหรือได้งานดี และได้รับเงินเดือนสูงกว่าระดับปริญญา

พ.ศ.๒๕๐๒-พ.ศ.๒๕๕๑ ใช้ความสามารถเชิงกวีนิพนธ์ เชิงปลูกฝังคุณธรรม ที่ให้ข้อคิดในการดำรงชีวิตประจำวันของคนทั่วไป โดยได้เริ่มเผยแพร่ออกสู่สายตาประชาชนในรูปของกวีนิพนธ์ “มงคลชีวิตประสิทธิ์พร” ที่จัดพิมพ์ลงในบัตรส่งความสุขในแต่ละปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๔ เป็นต้นมา คำพรข้อคิดสั้นๆ ที่พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระเทพกวี ได้ร้อยกรองขึ้นนี้ มีผู้กล่าวขวัญและนิยมกันมาก คือ ได้มีผู้รวบรวมจัดพิมพ์เผยแพร่ในลักษณะของจุลสาร, หนังสือชำร่วยที่แจกในโอกาสต่างๆ และได้นำออกรายการข้อคิดประจำวันทางสถานีวิทยุทหารอากาศ และสถานีวิทยุประชาสัมพันธ์เชียงใหม่ ทุกวัน และในปี พ.ศ.๒๕๓๑ ได้มีผู้นำกวีนิพนธ์ “มงคลชีวิตประสิทธิ์พร” มาแปลเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ผลงานเชิงกวีนิพนธ์ที่เป็นคติเตือนใจหรือสอนใจนี้ แพร่หลายเป็นที่นิยมยกย่องในต่างประเทศอีกด้วย


๏ ผลงานด้านพัฒนาชนบท

ริเริ่มงานพัฒนาชนบทแบบผสมผสานและครบวงจร ในระดับหมู่บ้านของ ๓ จังหวัดภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน คือการก่อตั้งมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท

พ.ศ.๒๕๒๓

- มีผลการพัฒนาดีเด่น เป็นข้อความที่ประกาศยกย่องไว้ในวารสารเศรษฐกิจและสังคม ปีที่ ๑๘ ฉบับที่ ๒ เดือนมีนาคม-เมษายน พ.ศ.๒๕๒๔ โดยฝ่ายเผยแผ่การพัฒนากองศึกษาภาวะเศรษฐกิจ สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ได้สรุปผลงานของ “พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก” ซึ่งได้กล่าวมาแล้ว และใคร่ขอยกคำตอบสัมภาษณ์ของประธานกรรมการมูลนิธิฯ แห่งแรก ที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบทว่า

“มูลนิธิฯ นี้ได้ช่วยเหลือพวกเราซึ่งยากจนแร้นแค้น ให้ลืมตาอ้าปากได้ พวกผมทุกคนรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของหลวงพ่อมาก ท่านเป็นพระมาโปรดพวกเราแท้ๆ”

พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) มีผลงานทางวิชาการดีเด่น ได้รับการถวายประกาศนียบัตร “ประกาศเชิดชูเกียรติคุณ” จากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๓ ที่ได้อุทิศเวลา กำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิด และได้บำเพ็ญประโยชน์ ในการส่งเสริมการศึกษาแก่ประชาชน และท้องถิ่น ยังให้เกิดความเจริญมั่นคง และดำรงคุณธรรมดีเด่นแก่สังคมโดยส่วนรวม สมควรเป็นแบบอย่างแก่อนุชนคนรุ่นหลังและหมู่คณะ ในทางส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าแก่ประเทศชาติบ้านเมืองสืบต่อไป

พ.ศ.๒๕๒๔

- ได้รับเลือกให้เป็นนักสงคมสงเคราะห์ดีเด่นประจำปี พ.ศ.๒๕๒๔ สาขา “สังคมอาสาสมัคร” จากกรมประชาสงเคราะห์ ร่วมกับสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย สมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย, คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สภาสตรีแห่งชาติ และมูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๔ โดย ฯพณฯ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี ได้เป็นผู้ถวายโล่รางวัลดีเด่นประจำสาขา เพื่อสรรเสริญเกียรติคุณ ณ หอประชุมกองทัพบก

พ.ศ.๒๕๒๕

- ได้รับเลือกให้เป็นผู้มีความอุตสาหะวิริยะ นำพระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิก ศิษยานุศิษย์กระทำการพัฒนาวัดถึงขั้นสำเร็จผลทั้งสถานที่ บุคคล และกิจกรรม อำนวยผลสถิตยสถาพรแก่บวรพระพุทธศาสนา ตามโครงการพัฒนาวัดทั่วราชอาณาจักรของรัฐบาลโดยกรมการศาสนา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพอพระทัยจึงได้ประทาน “ประกาศนียบัตรพัฒนาและวัดพัฒนา” ไว้เพื่อเชิดชูเกียรติของพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๕ ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวอย่างแก่วัดพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยสืบต่อไป

พ.ศ.๒๕๒๘

- ได้รับการถวายโล่เกียรติคุณ เพื่อยกย่องและประกาศเกียรติคุณในผลสำเร็จของการพัฒนาหมู่บ้าน และชุมชน ตามอุดมการณ์ “แผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง” จากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ “แผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง ครั้งที่ ๒” ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๘ โดย ฯพณฯ พลเอกประจวบ สุนทรางกูร รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เป็นผู้ถวายโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ

พ.ศ.๒๕๓๐

- ได้รับการถวายปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพัฒนาชุมชน คณะวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปีการศึกษา พ.ศ.๒๕๒๙ จากการอนุมัติของสภาการฝึกหัดครู เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๐ ตามคำเสนอขอของสหวิทยาลัยล้านนาวิทยาลัยครูเชียงใหม่ โดยมีอธิบดีกรมการฝึกหัดครูเป็นผู้ถวายปริญญาดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๐ เพราะได้พิจารณาเห็นว่า

“พระธรรมดิลก (จันทร์ กุสโล) เป็นบุคคลหรือพระภิกษุสงฆ์ซึ่งถึงพร้อมด้วยคุณธรรมความดี และมีความซื่อสัตย์ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชน และศิษยานุศิษย์ อย่างกว้างขวาง เป็นผู้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจ และสติปัญญาให้กับงานด้านสังคมสงเคราะห์ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมนานัปการ จนเป็นที่รู้จักและยอมรับกันอย่างกว้างขวางทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เป็นตัวอย่างแห่งการครองตน ครองคน และครองงาน สมควรที่คนทั้งหลายจะได้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในด้านให้การศึกษาอบรมทางด้านจิตใจ การจัดตั้งมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท ด้วยความเป็นผู้มีเมตตาจิตสูง และนึกถึงประชาชนที่ยากจนในท้องถิ่นชนบท ซึ่งด้อยโอกาสในด้านการศึกษา การพัฒนาตนเอง ตลอดจนโครงการพัฒนาชนบทในรูปแบบต่างๆ ช่วยชี้นำการดำเนินชีวิตแก่บุคคล สรรค์สร้างเอกสารเผยแพร่ทางศีลธรรม เป็นบุคคลตัวอย่างที่ควรชื่นชมยินดี สมควรแก่การยกย่องเป็นอย่างยิ่ง ผลงานทั้งหลายของท่านทรงคุณค่า จนไม่อาจประเมิณเปรียบเทียบกับสิ่งใดได้ นับเป็นผลงานดีเด่นในด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ส่งเสริมการศึกษา การพัฒนาชุมชนแก่ประชาชน และสังคม จนเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ต่างก็ยอมรับและนับถือศรัทธาโดยทั่วกัน”

พ.ศ.๒๕๓๒

- ได้รับการยกย่องและคัดเลือกให้ได้รับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประเภทส่งเสริมและพัฒนาชุมชนโดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ซึ่งได้รับการมอบหมายจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ประธานคณะกรรมการจัดงานฝ่ายบรรพชิต และพลเอกเชาวลิต ยงใจยุทธ ผู้บัญชาการทหารบก รักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประธานคณะกรรมการจัดงานฝ่ายคฤหัสถ์, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาพระราชทานรางวัลที่กองอำนวยการ บริเวณปะรำพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ ในวันเสาร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๒ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติที่พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก เป็นตัวอย่างอันดีแก่สังคมและเยาวชนของชาติ และช่วยส่งเสริมสนับสนุนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มั่นคงสถาพรสืบไป

- ได้รับการยกย่องให้เป็นพระสงฆ์นักพัฒนาดีเด่น ประจำปี พ.ศ.๒๕๓๒ จากการสรรหาและคัดเลือกของคณะกรรมการมูลนิธิสมาน-คุณหญิงเบญจา แสงมลิ สำหรับผู้มีผลงานดีเด่นใน ๔ สาขา คือ ครูสอนภาษาไทย, ครูสอนสังคมศึกษา, ผู้บริหารการศึกษา และพระสงฆ์นักพัฒนา โดยทางมูลนิธิฯ ได้ประกาศเกียรติคุณที่พระธรรมดิลก ได้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาชุมชน โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้มีผลงานทั้ง ๔ สาขา เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัลประกาศเกียรติคุณบัตร เข็มที่ระลึกเชิดชูเกียรติ พัด ย่าม ฯลฯ ณ พระราชวังสวนจิตรลดา เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๒

- ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขามนุษยศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๒ นับเป็นพระสงฆ์องค์แรกของประเทศไทย ที่สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ในเกียรติคุณและผลงานของพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก ที่สมควรยกย่องให้ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นการอุทิศตนเพื่อผลงานพัฒนาตัวมนุษย์ สังคมชนบท และชาวเมือง ตลอดจนการประยุต์หลักธรรมคำสั่งสอนเพื่อปรับปรุงวิถีชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะคนชนบทที่ยากจนไปสู่เป้าหมายของการพึ่งตนเองได้อย่างสัมฤทธิ์ผลในลักษณะที่ยั่งยืน

พ.ศ.๒๕๓๓

- กรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ มอบประกาศเกียรติคุณให้เป็นเกียรติแด่ “มูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท” ที่ได้ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการเผยแพร่ผลงานขององค์กร เนื่องในโอกาสประชุมสมัชชาสากลว่าด้วยการศึกษาผู้ใหญ่ ครั้งที่ ๔ ในระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ มกราคม ๒๕๓๓ ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๓๓

- ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา และฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีไทย โดยสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารี ป.ธ.๙) วัดปทุมคงคา เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ได้ยกย่องประกาศเกียรติคุณคนดีสร้างสรรค์สังคม ร่วมมือในศาสนกิจแก่ตนและส่วนรวม เป็นแบบอย่างอันดีงามแด่สาธุชน ตามนโยบายของศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา และฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๓

พ.ศ.๒๕๓๔

- ได้รับประกาศนียบัตรชมเชย ในการรักษาสิ่งแวดล้อมของวัดป่าดาราภิรมย์ดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

- ได้รับการถวายประกาศเกียรติคุณ ในด้านมีสาธณูปโภคดีเด่น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ จากคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.๒๕๓๕

- ได้รับปริญญาพัฒนบริหารศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๕ ด้วยการยอมรับและยกย่องในเกียรติคุณและผลงานเชิงพัฒนา ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดและแพร่หลายของพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

- กระทรวงศึกษาธิการ ได้ยกย่องประกาศเกียรติคุณแด่มูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท ในฐานะองค์กรเอกชนดีเด่น ที่จัดกิจกรรมการศึกษานอกโรงเรียนประจำปี ๒๕๓๕ ประเภทองค์กรหรือสถาบัน เพื่อสาธารณประโยชน์ ในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๓๕

- มูลนิธิศาสตราจารย์ประภาศน์ อวยชัย เพื่อการสังคมสงเคราะห์และการพัฒนาสังคม ถวายโล่เกียรติคุณ ในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นในด้านการพัฒนาสังคม ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ ควรแก่การยกย่องและถือเป็นแบบฉบับ ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๕

- กระทรวงศึกษาธิการ ถวายโล่เกียรติคุณให้ไว้เพื่อแสดงว่า พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก จัดบริหารส่งเสริมสนับสนุนแนะนำและพัฒนาวัดให้เป็นอุทยานการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๓๖

- มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ถวายโล่รางวัลแด่ศูนย์ศึกษาพัฒนาชนบท มูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท ในฐานะองค์กรเอกชนที่มีผลงานดีเด่น ด้านส่งเสริมการพัฒนาชนบท ประจำปี ๒๕๓๖ ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๖

พ.ศ.๒๕๓๘

- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโล่รางวัล “มหิดลวรานุสรณ์” แก่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อถวายแด่พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก ในฐานะผู้ได้บำเพ็ญคุณประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ ควรแก่การยกย่องและถือเป็นแบบฉบับ ถวายในโอกาส “วันมหิดล” ณ วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๓๘

- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้ ถวายปริญญาเทคโนโลยีการเกษตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการวางแผนและพัฒนาชนบท ประจำปีการศึกษา ๒๕๓๘

- ได้รับการถวายรางวัลศิลปินแห่งชาติ บุคคลผุ้มีผลงานทางด้านวัฒนธรรมดีเด่น สาขาภูมิปัญญาชาวบ้าน ประจำปี ๒๕๓๘ จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ

๏ การมรณภาพ

พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) ได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคถุงลมโป่งพอง และโรคปอด เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๑๘.๓๕ นาฬิกา หลังจากรักษาอาการอาพาธมาเป็นเวลานาน โดยคณะแพทย์จากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้ย้ายการรักษาจากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มาถวายการรักษาอยู่ ณ กุฏิจันทร์ กุสโล ภายในวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นต้นมาจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต สิริอายุรวมได้ ๙๑ ปี พรรษา ๗๑ ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยเป็นยิ่งนักของบรรดาคณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และสาธุชนทั่วไปที่ไปเคารพศพอย่างเนืองแน่น

ขอขอบพระคุณที่มาของเนื้อหา ::
ประวัติที่รวบรวมและเรียบเรียงเพิ่มเติมจากต้นฉบับเดิม
ของ ดร.วันเพ็ญ สุรฤกษ์ หนังสือที่ระลึก ๗๒ ปี พระเทพกวี
โดย..อธินันท์ อ่ำบุญ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๐
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20885

ความคิดเห็น

เนื้อหาที่ได้รับความนิยมในรอบ 1 เดือน :

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดถ้ำภูกำพร้า (วัดภูกำพร้า) จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดภูกำพร้า อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิด ไม่ทราบ มรณภาพ พ.ศ.2548 อายุ ไม่ทราบ (ว่ากันว่า 200 กว่าปี) พรรษา ไม่ทราบ สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้วจนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200 กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ (หลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ) หรือ หลวงพ่อหลาบ วัดบางเป้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางเป้ง และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา ท่านเป็นเกจิดังของตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดบางเป้งจนมีความรุ่งเรือง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ใครมาขอความช่วยเหลือจากท่านท่านก็ช่วยเหลือมิไม่ได้ขาด ท่านเป็นพระเกจิที่ชาวบางแสนให้ความเคารพอย่างมาก และท่านยังให้ความสำคัญของการศึกษาท่านได้สร้างโรงเรียนวัดบางเป้ง (กุหลาบราษฎร์อำนวยวิทย์) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นต้น ประวัติและสถานะเดิม พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ ท่านมีนามเดิมว่า " กุหลาบ " นามสกุล " อุ่นจิตร หรือ อุ่นจิตต์ (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบไหนครับ) " เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2431 บิดาชื่อ นายช้อน มารดาชื่อ นางเจียก อุ่นจิตร ท่านเกิด ณ หมู่ที่ 1 บ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (บริเวณสถานีดับเพลิง ต.แสนสุข) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน หลวงพ่อกุหลาบเป็นบุตรคนสุดท้อง ดังนี้ พระอธิการอั...

ประวัติ หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา

หลวงปู่ทอง อายะนะ (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 117 ปี ท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ส่วนลูกศิษย์ฆราวาสที่เคราพเลื่อมใสท่านมากก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ด้านวัตถุมงคลของท่านมีทั้งพระเครื่องเนื้อพิมพ์สมเด็จ ลูกอม ชานหมาก เสื้อยันต์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ เหรียญรุ่นแรก ประวัติหลวงปู่ทอง อายะนะ หลวงปู่ทอง อายานะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดบางเงินพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดบางเงินพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น...

ประวัติ หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก วัดห้วยใหญ่

พระครูภัทรกิจวิบูล (ก้าน ภทฺทโก) พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก) หรือ อาจารย์ก้าน หรือ หลวงพ่อก้าน วัดห้วยใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เกจิดังของตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สังขารท่านไม่เน่าเปลื่อยอยู่ในโรงแก้วจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อก้านท่านพัฒนาวัดห้วยใหญ่จนรุ่นเรือง และช่วยสร้างอื่นๆ เช่นวัดนาจอมเทียน , วัดทุ่งระหาร และวัดชากแง้ว ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนนาจอมเทียนไปถึงถนนบ้านบึงเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ท่านเป็นพระนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระนักพัฒนาที่น่ายกยอง ประวัติ หลวงพ่อก้าน มีเดิมว่า " ก้าน " นามสกุล " เจริญคลัง " ท่านเป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดที่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 13 ค่ำ ปีมะแม โยมบิดาชื่อ เส็ง เกิดที่เมืองจีน โยมแม่ชื่อ นิด นามสกุล เจริญคลัง ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเยาว์นั้นท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบไปใส่บาตรพระกับผู้ใหญ่เสมอๆ บรรพชา เมื่ออายุได้ 14 ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จั...

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน หลวงปู่เขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดหรงบน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้นก็สามารถบอกถึงกำหนดวันมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากสังขารท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไหม้ได้อีกด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมสูงมาก เช่น เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อลอยองค์ ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว ลูกอม ตะกรุด และพระปิตตา ฯลฯ ประวัติ หลวงปู่เขียว อินทมุนี ท่านเกิดเมื่อปี พุทธศักราช 2424 ในแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อยังเยาว์วัย พ่อท่านเขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งการศึกษาวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของชาติไทยสมัยก่อน จนเมื่อมีอายุได้ 22 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจสละเพศฆราวาส อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2446 ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ. 2446 พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็อยู่รับใช้ป...

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ หรือ พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต วัดเวฬุวัน

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ (พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต) วัดเวฬุวัน ตำบลพยุห์ อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาติภูมิและอุปสมบท ณ บ้านหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในวันศุกร์ที่  ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ ในครอบครัวของพ่อลี แม่ตุ่น สว่างกุล ได้ก่อกำเนิดลูกชายคนที่ ๘ จากจำนวนทั้งหมด ๙ คน เด็กคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าลูกคนอื่นๆ พ่อจึงได้ตั้งชื่อว่า "จ่อย" ซึ่งเป็นภาษาอีสานหมายถึงผอมแห้ง เด็กชายจ่อยได้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวด้วยการช่วยทำงานทุกอย่างเหมือนดั่งเด็กโต ในยามว่างสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กชายจ่อยคือ ชอบไปนั่งคุยกับพระที่วัดถามถึงเรื่องบาปบุญว่ามีจริงไหม บาปอยู่ที่ไหน บุญอยู่ที่ใด เป็นคำถามที่พระในวัดมักจะถูกถามอยู่เสมอๆ ซึ่งพระในวัดท่านก็ตอบว่า "ถ้าอยากรู้ว่าบาปบุญมีจริงไหม ก็ลองมาบวชดูแล้วจะรู้" คำตอบที่พระท่านตอบมาทำให้ในวันนั้นเด็กชายจ่อยฝังใจในการหาคำตอบ พอเริ่มโตเป็นวัยรุ่น จึงได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ว่า "บัดนี้ครอบครัวก็เป็นปึกแผ่นแล้ว อยากจะออกบวชเรียน เพื่อศึกษาหาคำตอบที่สงสัยมานาน" เมื่อพ่อแม่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้บวชเป็นสามเณ...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว จังหวัดพิษณุโลก

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก หลวงปู่ทองคำ สุวโจ เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2472 เป็นบุตร นายนวล กันสีชา และ นาง บุญ กันสีชา มีพี่น้องร่วมท้อง 4 คนโดยหลวงปู่เป็นบุตรคนโต เมื่ออายุ ได้ 14 ปี หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร วัดบ้านบ้านคำครั่ง อ.กระนวน จ. ขอนแก่น หลังจาที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้วสนใจในการศึกษาเล่าเรียน จึงได้ออกเดินทางไปยังสำนักของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และได้ศึกษาตำรามูลกระจายสูตร และพระคาถาต่างๆ จากพระอาจารย์ฝั้น เป็นเวลาถึง 9 ปี จากนั้นหลวงปู่จึงได้ลาสิกขา ถึงแม้จะเป็นฆราวาส หลวงปู่ทองคำก็ยังมิขาดที่จะศึกษาพระเวทย์ โดยข้ามฝั่งเดินทางไปศึกษาไปยังประเทศลาว ที่วัดพระบาทโพนสัน จาก พระครูขี้หอม หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ข้ามกลับมาฝั่งไทย และอุปสมบทที่วัดราชพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระครูพิสัยสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ทองคำ ได้เดินทางออกธุดงค์เรื่อยมาตลอด และได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร และอยู่ปรนนิบัติและศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงปู่ทองมา ถาว...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต วัดกำแพง จังหวัดชลบุรี

ประวัติและปฏิปทา พระครูอุดมวิชชากร (หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต) วัดกำแพง ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พระครูอุดมวิชชากร (หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง และอดีตเจ้าคณะตำบลบางปลาสร้างเขต 2 หลวงปู่เหมือน ท่านเป็นเกจิดังของวัดกำแพง ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดกำแพงจนมีความรุ่งเรืองในหลายๆ ด้าน และยังเป็นผู้อุปการะ องค์อุปการะยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี ในพระสังฆราชูปถัมภ์ , อุปการะโรงเรียนเทศบาลวัดกำแพง (อุดมพิทยากร) และองค์อุปการะมูลนิธิพระครูอุดมวิชชากร อีกด้วย วัตถุมงคลของท่านได้ความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะปิดตา และเหรีญรุ่นแรก พระครูอุดมวิชชากร ท่านมีนามเดิมว่า " เหมือน " นามสกุล " ถาวรวัฒนะ " เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2436 ปีมะเส็ง ณ บ้าน ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โยมบิดาชื่อ ตึ๋ง โยมมารดาชื่อ ปุ่น ถาวรวัฒนะ (มารดาเป็นน้องสาวของหลวงพ่อเจียม อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง) บรรพชา หลวงปู่เหมือน ท่านบรรพชาเป็นสามเณร แล้วจึงอุปสมบทต่อ อุปสมบท หลวงปู่เหมือน อายุได้ 20...

ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อไสว ฐิตวัณโณ วัดปรีดาราม (ยายส้ม) จังหวัดนครปฐม

ประวัติและปฏิปทา พระครูสถิตโชติคุณ (หลวงพ่อไสว ฐิตวัณโณ) พระครูสถิตโชติคุณ (หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ) (18 มกราคม 2464 - 11 พฤศจิกายน 2543) อดีตเจ้าอาวาสวัดปรีดาราม (ยายส้ม) ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเมตตามหานิยม ลงนะหน้าทอง หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2464 ตรงกับพุธ แรม 6 ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาชื่อ นายเสือ มารดา นางอิ่ม นามสกุล "พุทธศร" โดยโยมบิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านจอมขมังเวทย์ เป็นคนใจดี แต่สนใจเรื่องวิชาอาคมต่างๆ เวลาดื่มเหล้าชอบเคี้ยวแก้วเล่นประจำ แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าวิชาคงกระพันชาตรีของโบราณเป็นของแท้มีจริง แถมยังมีพุทธาคมดับพิษไฟได้ถึงขนาดพ่นไฟ อมไฟเล่นให้ชาวบ้านเห็นเสมอๆ และเป็นการจุดประกายขึ้นภายในจิตใจของ ด.ช.ไสว พุทธศร ให้ชอบและเชื่อในเรื่องของอำนาจเวทมนตร์คาถาอาคมขมัง และพุทธานุภาพของพุทธมนต์ต่างๆ ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ต่อมาบิดาเสียชีวิตแล้ว ท่านก็ได้ร่อนเร่พเนจร ไปอยู่ที่ต่างๆ หลายแห่งกระทั่งผลบุญนำมาเป็นเด็กวัดยายส้มหรือวัดปรีดารามในปั...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ชาลี ถิรธัมโม วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

ประวัติและปฏิปทา พระครูจิตตภาวนาญาณ (หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม) วัดป่าภูก้อน ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี “พระครูจิตตภาวนาญาณ” หรือ “หลวงตาชาลี ถิรธมฺโม” มีนามเดิมว่า ชาลี นามสกุล บุตรน้อย เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๘ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนแปด ปีระกา ณ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โยมบิดาชื่อ นายคำ บุตรน้อย โยมมารดาชื่อ นางกัน บุตรน้อย มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ อายุ ๑๙ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศิริราษฎร์วัฒนา บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โดยมี พระครูอดุลสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศิริราษฎร์วัฒนา จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอาจารย์คำมี สุวัณณสิริ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาที่วัดศิริราษฎร์วัฒนา จ.สกลนคร ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ไปจังหวัดเลย ได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ๑ พรรษา แล้วเดินธุดงค์ต่อไปทางภาคเหนือ, จังหวัดหนองคาย, จังหวัดอุดรธานี แล...