ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อย จังหวัดอุดรธานี

ประวัติและปฏิปทา พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก)

วัดป่านาคำน้อย (วัดอุดมมงคลวนาราม) บ้านนาคำน้อย ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี



อัตโนประวัติ

พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก มีนามเดิมว่า อินทร์ถวาย ผิวขำ เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2488 ตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา ณ บ้านหนองแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดนครพนม ในขณะนั้น) โยมบิดาชื่อ คุณพ่อแดง ผิวขำ โยมมารดาชื่อ คุณแม่จอมแก้ว ผิวขำ ท่านเป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 7 คน ซึ่งเป็นหญิง 3 คน เป็นชาย 4 คน

พระอาจารย์อินทร์ถวายได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ขณะมีอายุ 11 ปี ณ วัดกลางสนาม ตำบลกลางสนาม อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร เมื่อปี พ.ศ. 2500 โดยมี หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาแล้ว ได้ไปอยู่ศึกษาปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ณ วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) ตำบลหนองตูมใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร เป็นระยะเวลาทั้งหมด 9 ปี

ต่อมาท่านได้รับการญัตติเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดป่าศิลาวิเวก ตำบลป่าศิลาวิเวก อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เมื่อปี พ.ศ. 2508 โดยมี หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว ในพรรษาแรกได้อยู่จำพรรษากับ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ที่วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) อีกหนึ่งพรรษา

หลังจากนั้น ท่านได้ไปอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ้านห้วยทราย ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร 1 พรรษา แล้วติดตามองค์หลวงปู่จามขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ และไปอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง ตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 1 พรรษา แล้วกลับลงมาอยู่จำพรรษาอีกครั้งหนึ่งกับหลวงปู่จาม ที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม

หลังจากนั้นช่วงปี พ.ศ. 2512-2525 ได้ไปอยู่จำพรรษา ณ วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี กับ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ช่วงออกพรรษา ท่านได้กราบลาองค์หลวงตามหาบัว มาแสวงหาความสงบวิเวกในแถบจังหวัดเลย อุดรธานี และหนองคาย ต่อมาในราวปี พ.ศ. 2523 ท่านเห็นว่าสถานที่ตั้งวัดป่านาคำน้อย ในปัจจุบัน เป็นสถานที่สัปปายะเหมาะสำหรับการภาวนาเป็นยิ่งนัก จึงได้ร่วมกับคณะศรัทธาญาติโยม พุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ช่วยกันจัดตั้งเป็นวัดปฏิบัติในพระพุทธศาสนา และได้พัฒนาให้มีความเจริญสืบเนื่องเป็นลำดับมา อำนวยประโยชน์สมตามปณิธานของท่านผู้ก่อตั้งวัด ที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานฝึกอบรมทั้งทางร่างกาย (ศีลธรรม) และจิตใจ (จริยธรรม) ให้เป็นผู้สมบูรณ์ทั้งทางด้านวิชชาและจรณะควบคู่กันไป สมตามพุทธภาษิตที่ว่า

“อัตตานัง ทะมะยันติ ปัณฑิตา” บัณฑิตย่อมฝึกซึ่งตน

งานสาธารณประโยชน์

เมื่อวัดได้รับการพัฒนาในขอบเขตที่พอเป็นไป พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก ได้ให้ความสนใจงานสาธารณสุข และงานการศึกษาเป็นพิเศษ โดยได้ร่วมกับคณะศรัทธาญาติโยม พุทธบริษัททุกหมู่เหล่า เป็นสะพานบุญเชื่อมโยง ชักชวน ร่วมกันประกอบสาธารณกุศลในงานอันเป็นสาธารณประโยชน์ เช่น การก่อสร้าง อาคารพยาบาล จัดหาเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ แก่โรงพยาบาลหลายแห่ง ทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลอำเภอ หอพยาบาลโรงเรียน อาคารเรียน ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ทั้งโรงเรียนมัธยม และประถมศึกษา อาคารหอประชุม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 4 อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียน ตชด. อาคารศูนย์เด็กก่อนวัยเรียน มอบทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน สร้างรั้วโรงเรียน แก่สถานศึกษาหลายแห่ง สร้างหอประชุมตำรวจ ทางคอนกรีตภายในโรงพัก ที่พักสายตรวจ ศูนย์บริการประชาชนของตำรวจ ยานพาหนะตำรวจ เป็นต้น เป็นมูลค่ารวม 100 ล้านบาท โดยได้รับเข็มเสมาธรรมจักรทองคำเชิดชูเกียรติจากกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี พ.ศ. 2549 และได้รับโล่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2550

เมื่อปี พ.ศ. 2549-2550 ได้ร่วมกับคณะสงฆ์ ศรัทธาพุทธบริษัท และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันจัดสร้างหออภิบาลสงฆ์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550 ณ อาคาร “สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” (อาคาร 19 ชั้น) ขนาดพื้นที่ 1,750 ตารางเมตร บนชั้นที่ 10 รักษาพยาบาลแก่พระภิกษุสามเณรที่อาพาธจากทั่วทุกภาคของประเทศและจากทุกมุมโลก ให้ได้รับการรักษาตามหลักพระธรรมวินัย และตามหลักการแพทย์สมัยใหม่อย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ ได้ทำการจัดตั้งเป็นมูลนิธิและกองทุนเพื่อดูแลพระสงฆ์ สามเณร แม่ชี อาพาธ และป่วย ให้ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนสืบไป โดยศรัทธาทั้งพระสงฆ์และพุทธบริษัทมาร่วมกันบำเพ็ญในครั้งนี้เป็นมูลค่าทั้งโครงการ (การตกแต่งหอสงฆ์ การจัดหาเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และการจัดตั้งเป็นมูลนิธิและกองทุน) รวมเป็นปัจจัยทั้งสิ้น 50 ล้านบาท กระทั่งทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ประกาศเกียรติคุณให้เป็นบุคคลดีเด่น เพื่อเข้ารับพระราชทานถวายรางวัลพระธาตุพนมทองคำ ประจำปี พ.ศ. 2550 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2550


๏ คติพจน์

ปัจจุบันธรรม ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

“ประดับชีวิตของเราให้มีค่า ทุกเวลาผ่านไปแล้วย่อมผ่านไปเลย พากันเร่งสร้างคุณธรรมประจำใจไว้ พร้อมสำนึกอยู่เสมอว่า ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะกิตติศัพท์ ทรัพย์โภคา หาไปด้วย (ไม่ได้ไปด้วย) มีแต่บุญเข้าช่วยเมื่อม้วยมรณ์” จากหนังสือประทีปอริยธรรม หน้า 61


๏ งานเพื่อพระพุทธศาสนา

พุทธปัจฉิมวาจา “ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์และประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”

งานที่พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก ให้ความสำคัญอย่างมากเป็นอันดับแรก ก็คืองานเพื่อฝึกตนให้ดีในด้านศีล สมาธิ ปัญญา แล้วจึงบำเพ็ญประโยชน์ท่าน ด้วยการทดแทนคุณน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา โดยท่านได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างพุทธเจดีย์ ธรรมเจดีย์ สังฆเจดีย์ เพื่อเป็นเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หลักธรรมคำสอน และอัฐิธาตุ ถวายแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดังนี้

1. การสร้างปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

2. เจดีย์บรรจุอัธิธาตุหลวงปู่เต็ม ขันติโก วัดป่าโคกสาคร จังหวัดอุดรธานี

3. เขมปัตตเจดีย์ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต เจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หล้า ณ วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) จังหวัดมุกดาหาร บูรพาจารย์ของท่านพระอาจารย์

4. เจดีย์ศรีไตรรัตนานุสรณ์ คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ณ สำนักชีบ้านห้วยทราย จังหวัดมุกดาหาร

และในปี พ.ศ. 2551 ท่านได้ชักชวนและร่วมกับศรัทธาพุทธบริษัท พร้อมใจกันก่อสร้างเจดีย์มหามงคลบัว ณ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเป็นมงคลเจดียสถาน อันเป็นอนุสรณ์รำลึกแสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตาธรรมของเหล่าศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ถวายแด่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ที่องค์ท่านได้ประกอบกรณียกิจ อันเป็นคุณทั้งน้อยใหญ่ สุดพรรณนา เป็นคุณานุคุณอำนวยประโยชน์แก่ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นอเนกอนันต์

“อวิชชาตัวเดียวนี่ คว่ำลงจากจิตกระเทือนทั่วแดนโลกธาตุ หลักธรรมชาติตัดสินเอง เป็นเองขึ้นมาเป็นลักษณะกลางๆ ขึ้นมา ผางทีเดียว เหมือนกับว่าโลกธาตุนี้คว่ำหมดเลย พรึบทีเดียวหมดเลย ทีนี้จ้าเลยที่นี้ อุ๋ย...อัศจรรย์จริงๆ...ธรรมอัศจรรย์เลิศเลอ”

ประวัติวัดป่านาคำน้อย

วัดป่านาคำน้อย เดิมชื่อ วัดอุดมมงคลวนาราม เป็นนามที่ได้รับเมตตาประทานจากหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน แต่ต่อมาทางราชการมีแนวคิด เกี่ยวกับการตั้งชื่อวัดให้สอดคล้องกับชื่อหมู่บ้านที่ตั้งของวัด จึงได้ใช้นามว่า “วัดป่านาคำน้อย” ในปัจจุบัน

สถานที่ตั้งวัด อยู่ที่หมู่ 7 บ้านนาคำน้อย ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี รหัสไปรษณีย์ 41380 มีพื้นที่ในปัจจุบัน 1,350 ไร่ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2523

ประวัติการก่อตั้งวัด วัดป่านาคำน้อย ได้รับการตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2529 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2531 ตามบัญชีรายชื่อวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา งวดที่ 6 ประจำปี 2530 ลำดับที่ 36 วัดนาคำน้อย ตำบลบ้านก้อง อำเภอน้ำโสม (ในขณะนั้น) จังหวัดอุดรธานี ขนาดวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร ดังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 105 ตอนที่ 14 วันที่ 22 มกราคม 2531 กองพุทธสถานกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เพื่อดำเนินตามแนวทางที่องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เมตตาชี้แนะไว้ว่า “สถานที่นี้เหมาะสำหรับผู้สนใจภาวนาเพราะเป็นป่า เป็นเขาสงบสงัด”

สภาพก่อนที่จะต้องเป็นวัด ท่านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก ขณะนั้นจำพรรษอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ได้ธุดงค์มาในเขตนี้เห็นว่าพื้นที่แห่งนี้ ในขณะนั้นเป็นพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่านายูง และป่าน้ำโสม มีสภาพทรุดโทรม และเป็นพื้นที่ป่าที่ได้รับสัมปทานไปแล้วหลายวาระ ประกอบกับเป็นพื้นที่สีชมพู อยู่ในเขตปฏิบัติการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย น่าจะได้รับการฟื้นฟูทั้งทางรูปธรรม และนามธรรม โดยที่ท่านพระอาจารย์ได้เคยวิเวกมาในแถบนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 เป็นต้นมา หลายวาระด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2523 ได้ธุดงค์มาอีกรอบหนึ่ง ในครั้งนี้ ได้ธุดงค์มาปักกลด ณ บริเวณต้นสะท้อน ริมห้วยราง (ตรงบริเวณที่เป็นโรงครัวในปัจจุบัน) เห็นว่าเป็นสถานที่สัปปายะ น่าจะได้มีการจัดตั้งเป็นวัดปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา จึงได้ชักชวนคณะศรัทธาญาติโยม หมู่เพื่อนสหธรรมิกพุทธบริษัททุกหมู่เหล่า มาร่วมกันก่อสร้างเป็นสำนักปฏิบัติกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

สภาพป่าภายในบริเวณวัด เป็นป่าที่สมบูรณ์ประมาณ 600 ไร่ แต่ได้รับการปลูกเสริมเพิ่มเติม เช่น สัก ประดู่ มะค่า ยาง กระบาก ตะแบก ตะเคียนทอง เป็นต้น ปัจจุบันได้ปลูกเสริมจนเต็มพื้นที่ จึงสามารถมองเห็นสภาพป่าดั้งเดิมและปลูกเสริมใหม่เจริญเติบโตร่วมกัน

สัตว์ป่าภายในวัด เนื่องจากพื้นที่นี้แต่เดิมเป็นป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ จึงมีสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่ เช่น หมูป่า กระรอก ค่าง ลิง ชะนี งูจงอาง งูเห่า * กระจง นิ่ม และนกชนิดต่างๆ

สิ่งก่อสร้างที่สำคัญภายในวัด ศาลาอเนกประสงค์ ขนาด 2 ชั้น พื้นที่กว้าง 16 เมตร ยาว 24 เมตร เป็นสถานที่ที่พระสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรม เป็นที่ฉันภัตตาหาร เป็นที่บำเพ็ญกุศลในโอกาสต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกุฏิถาวร ประมาณ 15 หลัง และร้านพักพระประมาณ 40 หลัง โรงน้ำร้อน โรงครัว และที่พักฝ่ายอุบาสก อุบาสิกาจำนวน รวม 15 หลัง และถนนคอนกรีตเชื่อมโยงภายในวัดรวมเส้นทาง 4 กิโลเมตรเศษ

พระเมตตาจากองค์หลวงตา กำแพง คอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดความสูง 2.45 เมตร ยาว 6.75 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 1,350 ไร่ มูลค่า 20 ล้านบาทเศษ และฝายน้ำล้น ฝายเก็บกักน้ำหลายแห่งภายในวัด ได้รับเมตตาอุปถัมภ์ในการก่อสร้าง จากองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ที่ได้มาอาศัยอยู่ให้ได้รับความร่มเย็นตามอัตภาพ

สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน เป็นที่ตั้งของลูกข่าย สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน รับสัญญาณจากสถานีแม่ที่วัดป่าบ้านตาด ขนาดคลื่นความถี่ 107.25 MHZ ครอบคลุม พื้นที่อำเภอบ้านผือ น้ำโสม นายูง (จังหวัดอุดรธานี) สุวรรณคูหา (จังหวัดหนองบัวลำภู) สังคม (จังหวัดหนองคาย) และจังหวัดเลยบางส่วน

จำนวนพระสงฆ์จำพรรษา ในแต่ละปีจะมีพระสงฆ์จำพรรษา ประมาณ 30-40 รูป ในภาคฤดูร้อน เป็นสถานที่ที่พระสงฆ์ที่อุปสมบทจากกรุงเทพมหานคร มาพำนักปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2548-2550 มีนักศึกษาแพทย์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล มาบวชศึกษาภาคปฏิบัติ เป็นต้น

การอบรมพระภิกษุสามเณร และศรัทธาญาติโยม ได้กระทำทุกปีทั้งในหน้าแล้ง หน้าฝน ในฤดูจำพรรษา ก็มีอุบาสกอุบาสิกามาอยู่จำศีลภาวนาประมาณ 100 คนเศษ

ขยายและส่งเสริม สำนักและวัดปฏิบัติธรรม เมื่อท่านพระอาจารย์ได้มาจำพรรษาในแถบนี้ รวมทั้งในแถบอื่นหลายวัดด้วยกัน เช่น วัดป่าภูก้อน วัดป่าบ้านเพิ่ม วัดป่าหลุบเลา วัดป่าแค วัดป่าบ้านก้อง วัดป่าวังแข้ อำเภอนายูง วัดป่าโคกสาคร อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น วัดหมู่เพื่อนสหธรรมิก เช่น วัดป่ากุดสิม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู วัดป่าบ้านใหม่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และท่านได้ตั้งวัดสาขา เช่น วัดป่าพิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา และสนับสนุน ศิษย์ที่เคยอยู่ในสำนักของท่านออกไปตั้งวัดหลายแห่ง หลายจังหวัดด้วยกัน อาทิ วัดป่าภูน้ำป๊อก อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น วัดป่าชัยพฤกษ์ กิ่งอำเภอเอราวัณ วัดป่าอุดมมงคลญาณสัมปันโน (ห้วยซวก) อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย วัดป่าเทพมงคล อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย วัดป่าภูสวรรค์ อำเภอปากชม จังหวัดเลย วัดป่าภูเขาวงศ์ วัดป่าภูพัง กิ่งอำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู วัดป่าสุวรรณภูมิ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นต้น


http://udn.onab.go.th/index.php?option= ... Itemid=245

ชีวิตของคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนทั้งหมด อีกสักวันหนึ่งก็จะต้องตายจากกัน ถึงจะรัก จะเกลียด โกรธขนาดไหนก็เถอะ อีกสักวันหนึ่งก็ไปคนละทิศคนละทาง ไปตามบุญกรรมของแต่ละคน เกิดภพหน้าชาติหน้าก็ลืมหลง เกิดขึ้นมาเสาะแสวงหาอีก หลงกันอีก เป็นวัฏฏะวน ไม่มีที่สิ้นสุดวกวนไป วกวนมาอยู่อย่างนี้ เหมือนกับมดแดงไต่ขอบกระด้งวนไปวนมา วนมาวนไป

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=44265

ความคิดเห็น

  1. สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    ตอบลบ
  2. อยากให้ไก่ป่าอยู่ป่าให้สงบ ไม่อยากให้กลับกลายเป็นไก่บ้านขอรับหลวงตา

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

เนื้อหาที่ได้รับความนิยมในรอบ 1 เดือน :

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดถ้ำภูกำพร้า (วัดภูกำพร้า) จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำน้อย จิตฺตคุตฺโต วัดภูกำพร้า อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิด ไม่ทราบ มรณภาพ พ.ศ.2548 อายุ ไม่ทราบ (ว่ากันว่า 200 กว่าปี) พรรษา ไม่ทราบ สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้วจนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200 กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง

ประวัติหลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ หรือ หลวงพ่อกุหลาบ วัดบางเป้ง พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ (หลวงพ่อกุหลาบ พุทฺธโชติ) หรือ หลวงพ่อหลาบ วัดบางเป้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางเป้ง และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา ท่านเป็นเกจิดังของตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดบางเป้งจนมีความรุ่งเรือง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ใครมาขอความช่วยเหลือจากท่านท่านก็ช่วยเหลือมิไม่ได้ขาด ท่านเป็นพระเกจิที่ชาวบางแสนให้ความเคารพอย่างมาก และท่านยังให้ความสำคัญของการศึกษาท่านได้สร้างโรงเรียนวัดบางเป้ง (กุหลาบราษฎร์อำนวยวิทย์) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นต้น ประวัติและสถานะเดิม พระครูพรหมจริยาธิมุตต์ ท่านมีนามเดิมว่า " กุหลาบ " นามสกุล " อุ่นจิตร หรือ อุ่นจิตต์ (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบไหนครับ) " เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2431 บิดาชื่อ นายช้อน มารดาชื่อ นางเจียก อุ่นจิตร ท่านเกิด ณ หมู่ที่ 1 บ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (บริเวณสถานีดับเพลิง ต.แสนสุข) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน หลวงพ่อกุหลาบเป็นบุตรคนสุดท้อง ดังนี้ พระอธิการอั...

ประวัติ หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา

หลวงปู่ทอง อายะนะ (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 117 ปี ท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ส่วนลูกศิษย์ฆราวาสที่เคราพเลื่อมใสท่านมากก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ด้านวัตถุมงคลของท่านมีทั้งพระเครื่องเนื้อพิมพ์สมเด็จ ลูกอม ชานหมาก เสื้อยันต์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ เหรียญรุ่นแรก ประวัติหลวงปู่ทอง อายะนะ หลวงปู่ทอง อายานะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดบางเงินพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดบางเงินพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น...

ประวัติ หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก วัดห้วยใหญ่

พระครูภัทรกิจวิบูล (ก้าน ภทฺทโก) พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน ภทฺทโก) หรือ อาจารย์ก้าน หรือ หลวงพ่อก้าน วัดห้วยใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เกจิดังของตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สังขารท่านไม่เน่าเปลื่อยอยู่ในโรงแก้วจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อก้านท่านพัฒนาวัดห้วยใหญ่จนรุ่นเรือง และช่วยสร้างอื่นๆ เช่นวัดนาจอมเทียน , วัดทุ่งระหาร และวัดชากแง้ว ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนนาจอมเทียนไปถึงถนนบ้านบึงเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ท่านเป็นพระนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระนักพัฒนาที่น่ายกยอง ประวัติ หลวงพ่อก้าน มีเดิมว่า " ก้าน " นามสกุล " เจริญคลัง " ท่านเป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดที่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 13 ค่ำ ปีมะแม โยมบิดาชื่อ เส็ง เกิดที่เมืองจีน โยมแม่ชื่อ นิด นามสกุล เจริญคลัง ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเยาว์นั้นท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบไปใส่บาตรพระกับผู้ใหญ่เสมอๆ บรรพชา เมื่ออายุได้ 14 ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จั...

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน

ประวัติหลวงปู่เขียว อินฺทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน หลวงปู่เขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดหรงบน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้นก็สามารถบอกถึงกำหนดวันมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากสังขารท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไหม้ได้อีกด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมสูงมาก เช่น เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อลอยองค์ ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว ลูกอม ตะกรุด และพระปิตตา ฯลฯ ประวัติ หลวงปู่เขียว อินทมุนี ท่านเกิดเมื่อปี พุทธศักราช 2424 ในแผ่นดิน ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อยังเยาว์วัย พ่อท่านเขียวอาศัยพระในบ้านช่วยสอนหนังสือให้อ่านเขียนได้ตามอักขระสมัย ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนเป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งการศึกษาวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของชาติไทยสมัยก่อน จนเมื่อมีอายุได้ 22 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจสละเพศฆราวาส อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2446 ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ. 2446 พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็อยู่รับใช้ป...

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ หรือ พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต วัดเวฬุวัน

ประวัติหลวงปู่อุดมทรัพย์ (พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต) วัดเวฬุวัน ตำบลพยุห์ อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาติภูมิและอุปสมบท ณ บ้านหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในวันศุกร์ที่  ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ ในครอบครัวของพ่อลี แม่ตุ่น สว่างกุล ได้ก่อกำเนิดลูกชายคนที่ ๘ จากจำนวนทั้งหมด ๙ คน เด็กคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าลูกคนอื่นๆ พ่อจึงได้ตั้งชื่อว่า "จ่อย" ซึ่งเป็นภาษาอีสานหมายถึงผอมแห้ง เด็กชายจ่อยได้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวด้วยการช่วยทำงานทุกอย่างเหมือนดั่งเด็กโต ในยามว่างสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กชายจ่อยคือ ชอบไปนั่งคุยกับพระที่วัดถามถึงเรื่องบาปบุญว่ามีจริงไหม บาปอยู่ที่ไหน บุญอยู่ที่ใด เป็นคำถามที่พระในวัดมักจะถูกถามอยู่เสมอๆ ซึ่งพระในวัดท่านก็ตอบว่า "ถ้าอยากรู้ว่าบาปบุญมีจริงไหม ก็ลองมาบวชดูแล้วจะรู้" คำตอบที่พระท่านตอบมาทำให้ในวันนั้นเด็กชายจ่อยฝังใจในการหาคำตอบ พอเริ่มโตเป็นวัยรุ่น จึงได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ว่า "บัดนี้ครอบครัวก็เป็นปึกแผ่นแล้ว อยากจะออกบวชเรียน เพื่อศึกษาหาคำตอบที่สงสัยมานาน" เมื่อพ่อแม่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้บวชเป็นสามเณ...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว จังหวัดพิษณุโลก

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ที่พักสงฆ์ย่านยาว อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก หลวงปู่ทองคำ สุวโจ เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2472 เป็นบุตร นายนวล กันสีชา และ นาง บุญ กันสีชา มีพี่น้องร่วมท้อง 4 คนโดยหลวงปู่เป็นบุตรคนโต เมื่ออายุ ได้ 14 ปี หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร วัดบ้านบ้านคำครั่ง อ.กระนวน จ. ขอนแก่น หลังจาที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้วสนใจในการศึกษาเล่าเรียน จึงได้ออกเดินทางไปยังสำนักของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และได้ศึกษาตำรามูลกระจายสูตร และพระคาถาต่างๆ จากพระอาจารย์ฝั้น เป็นเวลาถึง 9 ปี จากนั้นหลวงปู่จึงได้ลาสิกขา ถึงแม้จะเป็นฆราวาส หลวงปู่ทองคำก็ยังมิขาดที่จะศึกษาพระเวทย์ โดยข้ามฝั่งเดินทางไปศึกษาไปยังประเทศลาว ที่วัดพระบาทโพนสัน จาก พระครูขี้หอม หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ข้ามกลับมาฝั่งไทย และอุปสมบทที่วัดราชพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระครูพิสัยสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ทองคำ ได้เดินทางออกธุดงค์เรื่อยมาตลอด และได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร และอยู่ปรนนิบัติและศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงปู่ทองมา ถาว...

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต วัดกำแพง จังหวัดชลบุรี

ประวัติและปฏิปทา พระครูอุดมวิชชากร (หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต) วัดกำแพง ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พระครูอุดมวิชชากร (หลวงปู่เหมือน อินฺทโชโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง และอดีตเจ้าคณะตำบลบางปลาสร้างเขต 2 หลวงปู่เหมือน ท่านเป็นเกจิดังของวัดกำแพง ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ท่านพัฒนาวัดกำแพงจนมีความรุ่งเรืองในหลายๆ ด้าน และยังเป็นผู้อุปการะ องค์อุปการะยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี ในพระสังฆราชูปถัมภ์ , อุปการะโรงเรียนเทศบาลวัดกำแพง (อุดมพิทยากร) และองค์อุปการะมูลนิธิพระครูอุดมวิชชากร อีกด้วย วัตถุมงคลของท่านได้ความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะปิดตา และเหรีญรุ่นแรก พระครูอุดมวิชชากร ท่านมีนามเดิมว่า " เหมือน " นามสกุล " ถาวรวัฒนะ " เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2436 ปีมะเส็ง ณ บ้าน ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โยมบิดาชื่อ ตึ๋ง โยมมารดาชื่อ ปุ่น ถาวรวัฒนะ (มารดาเป็นน้องสาวของหลวงพ่อเจียม อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง) บรรพชา หลวงปู่เหมือน ท่านบรรพชาเป็นสามเณร แล้วจึงอุปสมบทต่อ อุปสมบท หลวงปู่เหมือน อายุได้ 20...

ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อไสว ฐิตวัณโณ วัดปรีดาราม (ยายส้ม) จังหวัดนครปฐม

ประวัติและปฏิปทา พระครูสถิตโชติคุณ (หลวงพ่อไสว ฐิตวัณโณ) พระครูสถิตโชติคุณ (หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ) (18 มกราคม 2464 - 11 พฤศจิกายน 2543) อดีตเจ้าอาวาสวัดปรีดาราม (ยายส้ม) ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเมตตามหานิยม ลงนะหน้าทอง หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2464 ตรงกับพุธ แรม 6 ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาชื่อ นายเสือ มารดา นางอิ่ม นามสกุล "พุทธศร" โดยโยมบิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านจอมขมังเวทย์ เป็นคนใจดี แต่สนใจเรื่องวิชาอาคมต่างๆ เวลาดื่มเหล้าชอบเคี้ยวแก้วเล่นประจำ แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าวิชาคงกระพันชาตรีของโบราณเป็นของแท้มีจริง แถมยังมีพุทธาคมดับพิษไฟได้ถึงขนาดพ่นไฟ อมไฟเล่นให้ชาวบ้านเห็นเสมอๆ และเป็นการจุดประกายขึ้นภายในจิตใจของ ด.ช.ไสว พุทธศร ให้ชอบและเชื่อในเรื่องของอำนาจเวทมนตร์คาถาอาคมขมัง และพุทธานุภาพของพุทธมนต์ต่างๆ ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ต่อมาบิดาเสียชีวิตแล้ว ท่านก็ได้ร่อนเร่พเนจร ไปอยู่ที่ต่างๆ หลายแห่งกระทั่งผลบุญนำมาเป็นเด็กวัดยายส้มหรือวัดปรีดารามในปั...

ประวัติครูบาคำหล้า สังวโร หรือ สังวโร ภิกขุ

ประวัติครูบาคำหล้า สังวโร หรือ สังวโร ภิกขุ สังวโร ภิกขุ (ครูบาคำหล้า สํวโร) หรือ ครูบาคำหล้า สังวโร หรือ อาจารย์หล้า เป็นพระมหาเถระแห่งล้านนา ผู้ที่บูรณะพระธาตุสำคัญหลายแห่ง เช่น พระธาตุดอยตุง วัดพระธาตุดอยจอมสักสังวราราม พระธาตุดอยเขาควาย จังหวัดเชียงราย เจดีย์วัดนาหนุน จังหวัดน่าน ฯลฯ ประวัติ ครูบาคำหล้า สังวโร เกิดเมื่อวันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2460 ที่บ้านเลขที่ 16 หมูที่ 14 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นบุตรคนสุดท้องของ นายใจ และนางน้อย สุภายศ เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่ออายุได้ 8 ปี ที่โรงเรียนจำรูญราษฎร์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พออายุ 9 ปี ได้ล้มป่วยกระเสาะกระแสะ พ่อแม่จึงนำไปถวายตัวเป็นลูกศิษย์ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย ซึ่งขณะนั้นท่านพำนัก ณ วัดเชียงยืน (วัดสันโค้งหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มีพี่น้องร่วมสายโลหิตด้วยกัน 5 คน และท่านเป็นคนสุดท้องจึงได้นามว่า “คำหล้า” มีรายชื่อดังนี้ นางบุญปั๋น เนตรสุวรรณ นางสุจา วิจิตรรัตน์ (เสียชีวิต) นายสุข สุภายศ (เสียชีวิต) นางสุวรรณ สุรัตน์ ครูบาคำหล้า สํวโร(มรณภาพ) บรรพชา ครูบาศรีวิชัย ได้ทำการ...